พรรคส้ม…ออกแบบระบบประเทศ!!??

พรรคประชาชน เปิดเกมเลือกตั้งด้วยแนวคิด “ออกแบบระบบประเทศ” ผสานวิสัยทัศน์เชิงโครงสร้างกับการเปิดเว็บไซต์รวมนโยบายกว่า 200 รายการ ใช้ AI เชื่อมประชาชนเข้ากับนโยบายโดยตรง สะท้อนการเมืองแบบใหม่ที่ขอความไว้วางใจ มากกว่าคำสัญญาเฉพาะหน้า
วันก่อน “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” เขียนนำร่องกับเรื่องราวเชิง “นโยบายการเมือง” ของ พรรคเพื่อไทย ไปบ้างแล้ว
ตั้งใจจะหยิบนโยบายและความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ 3 พรรคการเมืองใหญ่ ที่ถูกคาดหวังจาก สังคมไทย ว่าจะเป็น “แกนหลัก” ในการ รวบรวมจำนวน ส.ส. เพื่อจัดตั้ง “รัฐบาลใหม่” ภายหลังการเลือกตั้งใหญ่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
และหากมีข้อมูลของพรรคขนาดกลางและเล็กอื่นๆ ก็จะขมวดรวม เอามานำเสนอในโอกาสต่อไป…
ส่วนรอบนี้…เป็นเรื่องราวของ พรรคประชาชน สัญลักษณ์ “สีส้ม” ในทางการเมือง
เมื่อ การเมืองไทย ก้าวเดินเข้าสู่ “โหมดการเลือกตั้ง” อย่างจริงจัง และ พรรคการเมืองส่วนใหญ่ มักเลือก “เปิดเกม” ด้วยนโยบายที่จับต้องได้ทันที! ไม่ว่าจะเป็น…
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, การแจกเงิน หรือการอัดฉีดงบประมาณเฉพาะหน้า
แต่ในสนามเดียวกัน พรรคประชาชน กลับเลือกเดินหมากต่างออกไป “พรรคสีส้ม” ไม่ได้เริ่มต้นจากคำถามว่า…จะ “ให้” อะไรประชาชน หากแต่ ตั้งคำถามที่ลึกกว่า ว่า..ประเทศไทยกำลังติดกับดักอะไร และควรออกแบบระบบใหม่อย่างไรเพื่อหลุดพ้นจากวงจรเดิม
แนวคิด “ไทยไม่เทา ไทยเท่ากัน และไทยทันโลก” ถูกวางให้เป็นมากกว่า สโลแกนหาเสียง แต่เป็น…กรอบวิเคราะห์ปัญหาเชิงโครงสร้างของรัฐไทย!!!
พรรคประชาชน ชี้ว่า…ปัญหาหลักของประเทศไม่ได้อยู่ที่การขาดทรัพยากร หากแต่อยู่ที่ระบบการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดินที่เปิดช่องให้ความเหลื่อมล้ำ, การผูกขาดอำนาจ และความไม่โปร่งใสดำรงอยู่จนกลายเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้น การเมือง….จึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม แต่เป็น “ต้นตอ” ของปัญหาเหล่านั้นเสียเอง!!!
ใน โหมดการเลือกตั้ง! พรรคประชาชน พยายามจะ “ขยับสถานะ” จาก “พรรคอุดมการณ์” ไปสู่ “พรรคออกแบบระบบประเทศ” โดยสื่อสารกับสังคมว่า…
หากไม่เริ่มเปลี่ยนโครงสร้างการเมือง นโยบายเศรษฐกิจที่ดีเพียงใดก็ยากจะทำงานได้จริง เพราะสุดท้ายจะถูกบิดเบือนโดยระบบอำนาจเดิม!!??
การปฏิรูปการเมืองจึงถูกยกระดับให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว!!!
ความเคลื่อนไหวล่าสุด! ของ พรรคประชาชน ได้สะท้อนแนวคิดนี้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น! เมื่อพรรคฯเลือกจะ “เปิดตัว” นโยบายหาเสียงผ่านเว็บไซต์ แทนการจัดแถลงข่าวแบบเดิม
โดยรวบรวม นโยบายย่อยกว่า 200 รายการไว้ในแพลตฟอร์มเดียว แบ่งออกเป็น 4 เสาหลัก ตั้งแต่…คุณภาพชีวิต, การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่, ประชาธิปไตยและความมั่นคงใหม่ ไปจนถึง การปฏิรูประบบราชการและการบริหารราชการแผ่นดิน
การยังไม่ตัดสินใจ “ขึ้นเวที” แต่เลือกที่จะเปิดนโยบายผ่านระบบออนไลน์ ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสาร หากแต่สะท้อนวิธีคิดเชิงยุทธศาสตร์ของพรรคประชาชน ที่มองการหาเสียงเป็นกระบวนการ 2 ทาง มากกว่าการประกาศฝ่ายเดียวจากพรรคสู่ประชาชน
การเปิดให้ค้นหา แบ่งปัน และโหวตนโยบายที่ถูกใจ คือ การ “ดึง” ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับนโยบาย ตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้งจะมาถึง…
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือ การนำระบบ AI มาเป็นแกนกลางของแพลตฟอร์มดังกล่าว ตามคำอธิบายของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งระบุว่า…
ระบบจะรวบรวมองค์ความรู้ทั้งหมดของพรรค ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย ผู้สมัคร ผลงาน และข้อมูลปัญหาเชิงพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถค้นหาหรือสอบถามได้ด้วยคีย์เวิร์ด คล้ายการสนทนากับผู้ช่วยอัจฉริยะมากกว่าการอ่านเอกสารการเมืองแบบเดิม
ในเชิงกลยุทธ์ การใช้ AI ไม่ใช่เพียงลูกเล่นทางเทคโนโลยี แต่เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของพรรคประชาชนว่า “การเมืองแบบใหม่” ต้องเข้าถึงง่าย โปร่งใส และเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมจริง!
การรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในระบบเดียว…ยังสะท้อนความพยายามทำให้การเมืองพ้นจากการผูกขาดของชนชั้นการเมือง และขยับเข้าใกล้การเมืองเชิงระบบที่ประชาชนสามารถตรวจสอบและใช้งานได้ด้วยตัวเอง
เมื่อมองใน ภาพรวม นโยบายเศรษฐกิจของพรรคประชาชน ไม่ได้ถูกนำเสนอในฐานะ มาตรการเฉพาะหน้า แต่ถูกวางเป็นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนระบบ!!!
หากกติกาการเมืองโปร่งใส, การผูกขาดทุนลดลง และระบบราชการคล่องตัว เศรษฐกิจ…ย่อมมีพื้นที่ให้เติบโตอย่างเป็นธรรม โดยไม่ต้องพึ่งพาการอัดฉีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า!!??
พรรคประชาชน จึงเลือกที่จะสื่อสารในมุมที่ว่า…การเปลี่ยนโครงสร้างการเมือง คือการลงทุนระยะยาวที่สำคัญที่สุดของประเทศ
การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาชนไม่ได้ขอคะแนนเสียงด้วยคำสัญญาเฉพาะหน้า แต่ขอความไว้วางใจให้ประชาชนร่วมกัน “ออกแบบระบบประเทศ” ใหม่ทั้งชุด!
คำถามสำคัญ…จึงไม่ใช่เพียงว่า พรรคสีส้มจะได้เสียงมากเพียงใด?
หากแต่ สังคมไทย…พร้อมหรือยัง? กับการเมืองที่ไม่เน้นแจกคำตอบสำเร็จรูป! แต่ชวนกันเปลี่ยนกติกาทั้งกระดาน เพื่อหลุดพ้นจากกับดักเดิมที่ประเทศเผชิญมานาน!!!.






