พิษ! ‘สงครามข้อมูล’


ไม่ใช่ปราสาทตาควาย…ไม่ใช่ภาพสนามรบ แต่ถูกใช้เป็น “อาวุธ IO” โดยมี “บิ๊กกุ้ง” เป็นแกนหลัก “เป้า” ทำลายความเชื่อถือของรัฐไทยของฝั่ง IO กัมพูชา มากกว่าการโต้แย้ง “ข้อเท็จจริง” ในสนามรบจริงๆ
กระแสโจมตี “ภาพถ่ายในสตูดิโอ” ที่ถูกโยงเข้ากับ….เหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา สะท้อนปัญหาที่ลึกกว่าคำถามเรื่อง AI หรือสถานที่ถ่ายทำ
หากแต่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า…รัฐไทยและสังคมไทย กำลังเผชิญ “สงครามข้อมูล” ในระดับที่รุนแรง!!! กว่าที่ประเมินไว้
อีกทั้งยังถูกดึงให้ สังคมไทย…ได้ถกเถียงใน “ประเด็นรอง” แทนที่จะมองเห็น “เกมใหญ่” ที่กำลังดำเนินอยู่
“แกนกลาง” ของเกมแห่ง “สงครามข้อมูล” ครั้งนี้ ไม่ใช่…ภาพถ่าย แต่คือ การทำลาย “ความเชื่อถือ”
และบุคคลที่ถูกเลือกให้เป็น…เป้าหมายหลัก ก็ไม่ใช่ใครอื่น? นอกจาก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง หรือ “บิ๊กกุ้ง” ผู้ถูกยกระดับให้เป็น “สัญลักษณ์” ของชัยชนะรัฐไทยเหนือกัมพูชา ในห้วงเวลาที่สถานการณ์ชายแดนตึงเครียดที่สุด! นับแต่เหตุปะทะทางการทหาร เมื่อ 24 กรกฎาคม 2568
การลงพื้นที่ให้กำลังใจทหาร การปรากฏตัวในจังหวะที่ไทย…ประกาศยึดคืนพื้นที่ได้สำเร็จ และบทบาทในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ทำให้ชื่อของ “บิ๊กกุ้ง” ไม่ได้ถูกมองเป็นเพียงบุคคล แต่ถูกมองเป็น “ตัวแทนรัฐ”
เมื่อ “ฝ่ายตรงข้าม” ไม่สามารถโต้แย้งชัยชนะในสนามจริงได้ สิ่งที่พวก IO ฝั่งกัมพูชา ทำให้ในยามนี้ นั่นคือ การรื้อทำลาย “ความน่าเชื่อถือ” ของ…บุคคลผู้เป็น “สัญลักษณ์” ของฝ่ายไทย…ลงมาให้ได้ นั่นเอง
ข้อเท็จจริงที่ต้องย้ำให้ชัด! คือ ภาพที่ถูกนำมาโจมตี ไม่ใช่ปราสาทตาควาย และไม่ใช่โบราณสถานจริงในพื้นที่พิพาท หากเป็น “ฉากจำลองในสตูดิโอ” ที่ใช้ประกอบการผลิตสื่อ
การพยายาม “ลาก” เอาภาพนี้…ไปผูกกับพื้นที่ชายแดนจริง จึงไม่ใช่การตรวจสอบ แต่คือ…การบิดความหมายอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างเรื่องเล่าใหม่ ที่ว่า…
“รัฐไทยโกหกประชาชน!!!”
คำกล่าวหาที่ตามมา ตั้งแต่ “ใช้ AI สร้างภาพปลอม” ไปจนถึง “หลอกคนไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ล้วนเป็นวาทกรรมที่ออกแบบมาเพื่อให้สังคมไทย ได้ตั้งคำถามกับรัฐไทย มากกว่า…การจะหาคำตอบว่า…ความจริงในสนามรบคืออะไร???
เพราะในสงครามข้อมูล ความจริงไม่จำเป็นต้องถูกหักล้าง แค่ถูกทำให้ไม่น่าเชื่อ! ก็เพียงพอแล้ว
ขณะเดียวกัน กระแสความสงสัย! ที่เริ่มลุกลามหนักข้อมากขึ้น ประมาณว่า…“มีคนไทยขายภาพหรือไม่?” หรือ “มีสายลับเขมรแฝงตัวหรือเปล่า?”
สิ่งนี้…กำลังพาสังคมไทยหลงทางไปอีกขั้น เพราะข้อเท็จจริง นั่นคือ…
ภาพเหล่านี้ไม่ใช่ภาพลับ
ไม่ใช่เอกสารทางทหาร
และ…ไม่ใช่ภาพยุทธการ
หากเป็นภาพเบื้องหลังการผลิตสื่อ ซึ่งใน “โลกของสื่อ” ถือว่า…เป็นเรื่องปกติ และไม่ได้ถูกตั้งสถานะว่า…ห้ามเผยแพร่ตั้งแต่ต้น
ภาพดังกล่าว….ไม่ได้หลุด แต่ถูกเผยแพร่ตามปกติ ก่อนที่…ฝ่ายกัมพูชาจะนำไป…ตัดบริบท, รีเฟรมใหม่ และใส่ความหมายทางการเมืองเข้าไปภายหลัง
กระบวนการนี้ ไม่ต้องพึ่ง “สายลับ” ไม่ต้องซื้อขายภาพ และไม่ต้องมีคนไทยทรยศชาติ หากเป็นเพียงการ “ดัก” ฉวยจังหวะในสนาม IO ที่ฝ่ายตรงข้ามเฝ้ารออยู่แล้ว
จุดที่ไทยเสียเปรียบ! ไม่ใช่การถ่ายทำในสตูดิโอ แต่คือ การที่คนไทยยังคิดว่า…สงครามข้อมูล คือ “ผลข้างเคียง” ของความขัดแย้ง
ทั้งที่ในความเป็นจริง! มันได้ถูก “ยกระดับ” มาเป็นสมรภูมิหลัก ที่ตัดสินความได้เปรียบทางการเมืองและความชอบธรรมของรัฐ ไปแล้ว…
อย่างไรก็ตาม เกม IO ครั้งนี้ มันไม่อาจจะ “เปลี่ยนผล” ของศึกในเชิงอำนาจ และไม่ได้ “ลบล้าง” ข้อเท็จจริงในเรื่องการควบคุมพื้นที่
สิ่งที่ฝ่าย IO กัมพูชา…ทำได้ คือ การสร้างเสียงรบกวน ทำให้สังคมไทยเกิดความทลังเล และดึงการถกเถียงออกจากสาระสำคัญ
แต่ไม่สามารถทำให้ฝ่ายไทย “ไม่ชนะศึก” ได้จริง!!!
ในระยะยาว การปั่นภาพและวาทกรรม…ไม่อาจก “ลบ” ปัญหาเชิงโครงสร้างของกัมพูชาได้ และไม่อาจพยุง “อาณาจักรสแกมโบเดีย” ให้รอดพ้นจากแรงกดดันระดับนานาชาติได้เช่นกัน
เพราะ “สงครามข้อมูล” อาจบิดภาพได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถบิดเบือนความจริง! ได้ตลอดไป!!??.






