แผนฟื้นฟูหาดใหญ่ยั่งยืน!!??


ทุกฝ่ายต้องฟัง! พบกับข้อเสนอแนะถึงแนวทางฟื้นฟูหาดใหญ่หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ คนพื้นที่ ชี้! ต้องมีศูนย์บัญชาการกลาง การบริหารแบบโซน และพื้นที่ทิ้งขยะชั่วคราว เพื่อเร่งเคลียร์เมืองภายใน 30–45 วัน และวางระบบยั่งยืนระยะยาว
เหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ ที่เพิ่งผ่านพ้นไป โดยเฉพาะ…พื้นที่เมืองหาดใหญ่ ซึ่งต้องเผชิญสภาพหลังน้ำลด! และยังคงเต็มไปด้วยความโกลาหล แม้ระดับน้ำจะกลับสู่ปกติหลายวันแล้ว
ปัญหาสำคัญอย่าง “ขยะ” นับแสนตันที่กองอยู่ตามซอยต่าง ๆ และการขนย้ายที่ติดขัด รวมถึง การบริหารจัดการของหน่วยงานที่ยังไม่เชื่อมประสานกันอย่างเพียงพอ
เหล่านี้…ล้วนทำให้การฟื้นฟูเมืองยังไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความล่าช้านี้ นำไปสู่ผลกระทบวงกว้าง ทั้งด้านสุขภาพ อาชีพ รายได้ และภาพรวมเศรษฐกิจของเมือง ซึ่งยังไม่อาจคาดเดาได้ชัดเจนว่าจะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อใด???
ในสถานการณ์เช่นนี้ การฟื้นฟูเมือง…จำเป็นต้องใช้ “ยุทธศาสตร์ที่นำไปปฏิบัติได้ทันที” ควบคู่กับ “ระบบระยะยาวที่ยั่งยืน” โดยมีเป้าหมาย…เร่งรัดให้ เมืองหาดใหญ่ สามารถฟื้นตัวได้ภายใน 30–45 วัน และยกระดับสถาปัตยกรรมการบริหารจัดการเมืองเพื่อรองรับวิกฤตในอนาคต ได้ดียิ่งขึ้น
แนวคิดหลัก ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทันที! ประกอบด้วย…การจัดตั้งศูนย์บัญชาการกลาง, การจัดระบบทิ้งและเคลื่อนย้ายขยะ, การบริหารแบบแบ่งโซน, การดึงพลังอาสา และมหาวิทยาลัยเข้าสนับสนุน
และ การใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย!!!
ในระยะเฉพาะหน้า การมี “ศูนย์บัญชาการกลางเพียงหนึ่งเดียว” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด! เพื่อแก้ปัญหาที่ทุกวันนี้…ยังเกิดจากหลายหน่วยงานต่างฝ่ายต่างทำ และไม่มีผู้สั่งการที่ชัดเจน
ศูนย์ดังกล่าว…ควรมี “ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา” เป็น…ผู้อำนวยการ พร้อมการมีส่วนร่วมของ เทศบาลนครหาดใหญ่, เทศบาลรอบข้าง, หน่วยความมั่นคง, หน่วยสาธารณสุข, ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา
ทำหน้าที่ในการกำหนดทิศทาง, ออกคำสั่งร่วม, ประสานทรัพยากร และรายงานสถานการณ์ต่อสาธารณะเป็นระยะ
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความชัดเจน, ลดความสับสน และเร่งให้ทุกฝ่าย มุ่งเน้นเป้าหมายร่วมกัน เช่น ปริมาณขยะที่ต้องเก็บในแต่ละวัน หรือพื้นที่สำคัญที่ต้องเร่งฟื้นฟู
ปัญหาขยะหลังน้ำท่วม! เป็น “อีกจุดวิกฤต” ที่ต้องแก้โดยเร่งด่วน เนื่องจากปริมาณขยะที่ท่วมล้นทุกพื้นที่ หากยังไม่จัดระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพ เมืองจะไม่สามารถก้าวเข้าสู่ขั้นตอนฟื้นฟูจริงได้เลย
แนวทางหนึ่งของการแก้ไขปัญหานี้ ก็คือ การจัดตั้ง “พื้นที่ทิ้งขยะชั่วคราว” (Temporary Dumpsites) จำนวน 3–5 จุด โดยเลือก “พื้นที่โล่งของรัฐ”, พื้นที่ขนาดใหญ่ของเทศบาล หรือพื้นที่เอกชนที่ยินดีสนับสนุน ใช้เป็นสถานที่พักขยะแบบจำกัดระยะเวลา 60–90 วัน
ควบคู่กับ การ “ระดม” รถเก็บขยะจากจังหวัดใกล้เคียง เช่น กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ เพื่อให้มีจำนวนรถเก็บขยะที่มากเพียงพอ ช่วยให้การขนย้ายขยะทำได้เร็วกว่าอัตราที่ขยะเพิ่มขึ้น
รวมทั้งต้องมี “ระบบการแยกขยะหน้างาน” เพื่อไม่ให้ปริมาณรวมทวีคูณ เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่สามารถบด, ขยะเปียกที่อาจแยกหมัก, พลาสติกที่จัดส่งรีไซเคิล และขยะอันตรายที่ต้องแยกเฉพาะ
เพื่อให้การทำงานไม่สะเปะสะปะ และสามารถควบคุมความคืบหน้าได้ต่อเนื่อง ควรจัดระบบ “บริหารงานแบบแบ่งโซน” แยกเมืองออกเป็น 10–12 โซน โดยแต่ละโซน…กำหนดให้มี “ผู้ควบคุมงานหลัก” อย่างน้อยหนึ่งคน
มีรถขยะและทีมอาสาประจำ และต้องรายงานผลให้ “ศูนย์บัญชาการ” ทราบทุกวัน
ระบบนี้…จะช่วยลดปัญหาซ้ำซ้อน เช่น รถขยะเข้าพื้นที่เดิมหลายครั้ง หรือบางพื้นที่ถูกปล่อยทิ้งไว้
ขณะเดียวกัน ยังทำให้สามารถจัดลำดับความสำคัญ เช่น พื้นที่ในตลาดกิมหยง, โซนเศรษฐกิจย่านสถานีรถไฟ, พื้นที่น้ำท่วมหนักของหมู่บ้านต่าง ๆ และโซนมหาวิทยาลัย ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่สำคัญต่อการ “ฟื้นตัวของเมือง”
พลังของนักศึกษาในจังหวัดสงขลา ซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นคน ถือเป็นกำลังสำคัญในระยะสั้น…ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพงานฟื้นฟูได้มากถึง 80% หากได้รับการจัดระบบอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ยังควรมีการออกคำสั่งสนับสนุนจากหน่วยงานด้านอุดมศึกษา, การจัดระบบลงทะเบียนอาสา, การ กระจายกำลังลงพื้นที่ตามโซน พร้อม อุปกรณ์ป้องกันและหน่วยแพทย์สนามจากมหาวิทยาลัย เพื่อช่วยงานทำความสะอาด ยกของ ซ่อมแซมเบื้องต้น และสนับสนุนงานของหน่วยปฏิบัติการหลัก
ในด้าน การบริหารข้อมูล การสร้างระบบ Dashboard กลางภายในเวลาไม่กี่วัน จะช่วยให้การตัดสินใจเชิงนโยบายมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยรวบรวม ข้อมูลจำนวนขยะที่เก็บแล้ว, จำนวนบ้านที่ต้องทำความสะอาด สถานะของแต่ละโซน และความเสี่ยงด้านสุขภาพ เพื่อให้ผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศสถานการณ์อย่างโปร่งใสทุก 6 ชั่วโมง
ลดความโกลาหลและทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการฟื้นฟูอย่างถูกทิศทาง!!!
ขณะเดียวกัน การฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองในระยะยาว ก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งจะต้องมีการประเมินความเสียหายอย่างละเอียด ทั้งภาคการค้า, โรงงาน, ตลาด, โรงเรียน และโรงพยาบาล เพื่อออก มาตรการเยียวยาที่เหมาะสม เช่น เงินช่วยเหลือเร่งด่วน, เงินกู้ปลอดดอก หรือโครงการฟื้นฟู SMEs เพื่อทำให้ภาคธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้เร็วที่สุด ลดผลกระทบที่อาจลากยาวเป็นหลายเดือน
แนวทางทั้งหมดนี้ สะท้อนว่า…การฟื้นเมืองหาดใหญ่! ไม่ใช่เพียงการจัดการขยะ หรือการกวาดล้างพื้นที่ แต่ต้องอาศัยระบบบัญชาการที่เข้มแข็ง, การบูรณาการระหว่างหน่วยงาน, การใช้ข้อมูลร่วมกัน และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
หากสามารถ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เหล่านี้ควบคู่กันได้ เชื่อว่า…เมืองหาดใหญ่ (และอีกหลาย ๆ เมืองที่ถูกน้ำท่วมหนัก) อาจกลับมาฟื้นตัวภายใน 30–45 วัน และจะได้มี “ระบบบริหารจัดการ” ที่เข้มแข็งกว่าเดิม สำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับวิกฤตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน!!!.
(ขอขอบคุณข้อมูลและข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์ จาก “นายหัวไทร : เฉลียว คงตุก”)






