ปิดฉาก! คนกลาง A4?


ความชอบธรรมของ “คนกลาง” หมดลงแล้ว เหตุเพราะฝ่ายกัมพูชาไม่ให้ความสำคัญ “ผู้นำมาเลเซีย” ฝ่าฝืนข้อตกลง 2 ครั้งซ้อน ไม่แปลก! ที่คนไทยและทั่วโลก จะตีค่า “อันวาร์ อิบราฮิม” เป็นเพียง “กระดาษ A4” มีตำแหน่ง แต่ไม่มีอำนาจจริง! ไม่มีปากกาเซ็น มีแต่แฟ้มวางบนโต๊ะ เมื่อ “ความชอบธรรมเชิงปฏิบัติ” เหลือแค่ศูนย์ อาเซียนจำเป็นต้อง “จัดเวทีใหม่” และให้สิทธิ์ไทย เลือก “คนกลาง” เอง
และแล้ว สันดานเดิม ก็กำเริบ! อีกคำรบ? เมื่อทางการกัมพูชา เปิดปฏิบัติการ…ฉีกจนขาดวิ่น!!! ทำลายภาพลักษณ์ “คนกลาง” แห่งอาเซียน ของ “ผู้นำมาเลเซีย”
ถือว่า…นายอันวาร์ อิบราฮิม เดินทางมาถึง “ทางตัน!” ทางการเมืองและศรัทธา แล้ว เมื่อข้อตกลงหยุดยิง! ระหว่างไทย–กัมพูชา ที่กัวลาลัมเปอร์ พังทลายในเวลาแค่เพียง 14 วัน หลังเกิดเหตุลอบวางทุ่นระเบิดชายแดนซ้ำซาก!
ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บและสูญเสียอวัยวะ
มันสะท้อนภาพชัด! “คำมั่นของพนมเปญ” ไม่มีน้ำหนัก และ “ถ้อยแถลงของมาเลเซีย” ไม่มีอำนาจบังคับใช้ใด ๆ เลย
แม้ในเชิงสถาบัน มาเลเซีย…ยังคงทำหน้าที่ “ประธานอาเซียน” จนถึงสิ้นปี 2025
แต่ในทางปฏิบัติ! บทบาทของ “ผู้นำมาเลเซีย” เหลือแค่เพียงการกระทำในเชิง “พิธีกรรมทางการทูต” ที่ไร้แรงจูงใจและพลังต่อรอง
มิต่างจาก กระดาษเอกสาร A4 ที่ว่างเปล่า…ผ่าน “เครื่องถ่ายเอกสาร” ซ้ำจนซีดจาง…
มีแต่รอยตราประทับ แต่ไม่มีข้อความใหม่…ให้ความหวังแก่ภูมิภาคอาเซียนแห่งนี้ได้อีกต่อไป!!!
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่…ตัวบุคคลอย่าง นายอันวาร์ อิบราฮิม เพียงอย่างเดียว หากแต่คือ “ข้อจำกัด” เชิงโครงสร้างของอาเซียนเอง ที่ยึดแนวทาง non-interference หรือ “ไม่แทรกแซงกิจการภายใน” และหลัก consensus หรือ “ฉันทามติ”
แม้จะสร้างภาพ “ความเท่าเทียม” ระหว่างชาติสมาชิก แต่ในยามที่เกิดวิกฤตความมั่นคงจริง! หลักการข้างต้น… กลับทำให้กลไกของอาเซียน ไร้เขี้ยวเล็บอย่างสิ้นเชิง!
ประธานอาเซียน ทำได้แค่เพียง “เชิญคู่ขัดแย้ง” มาคุย? แล้วปล่อยให้ “ทุกฝ่าย” กลับออกไป โดยไม่มีพันธะผูกพันใดๆ
“ภาพซ้ำ!” นี้ เกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน ตลอดประวัติศาสตร์อาเซียน!!??
กรณีของไทย–กัมพูชา ความล้มเหลวของข้อตกลง 2 ครั้งล่าสุด! ภายใต้การอำนวยความสะดวกของมาเลเซียเป็นบทพิสูจน์ชัด???
รอบแรก…หลังการประชุมที่กัวลาลัมเปอร์ กัมพูชาเพิ่งเซ็นหยุดยิงไม่กี่ชั่วโมง ก็เกิดเหตุยิงข้ามแดนและวางทุ่นซ้ำ
รอบที่ 2…“ผู้นำมาเลเซีย” เชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาพบปะอีกครั้ง! โดยมี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน
แต่เมื่อกลับถึงพื้นที่ชายแดน ก็มีเหตุ…ลอบวางทุ่นแบบเดิม ซ้ำอีก จนทหารไทย…ต้องเสียขาเป็นรายที่ 7 ในปีเดียว ขณะที่ ฝ่ายกัมพูชา ยังคงปฏิเสธและโยนความผิดให้กับ “ทุ่นตกค้าง” โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใด ๆ
ในมุมยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ! การสูญเสีย “ความน่าเชื่อถือเชิงปฏิบัติ” ของ “ผู้นำมาเลเซีย” จึงชัดเจนใน 3 ประเด็น…
หนึ่ง…ขาดเครดิตจากผลลัพธ์ เมื่อเจ้าภาพสองครั้งไม่สามารถควบคุมหรือบังคับคู่ขัดแย้งให้รักษาคำมั่นได้
สอง…ขาดอำนาจต่อรองเชิงอิทธิพล เพราะมาเลเซียไม่มี leverage ทางทหาร เศรษฐกิจ หรือความมั่นคงที่จะทำให้กัมพูชาต้องยอมตาม
และ สาม…ขาดศรัทธาจากฝ่ายไทยและสาธารณะอาเซียน ที่เห็นเพียงการประชุมซ้ำซาก แต่ไม่เห็นผลลัพธ์ใด เลย
ดังนั้น คำเปรียบเทียบที่สังคมไทย ใช้เรียก…นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่าเป็นได้แค่ “คนกลาง A4 (กระดาษ)” จึงไม่ใช่แค่…คำหยอกล้อหรือตัดพ้อทางอารมณ์ แต่มันคือ การ “นิยาม” เชิงสัญลักษณ์ของความล้มเหลวในเชิงกลไก
เพราะ “คนกลาง” มีแต่กระดาษประกาศ แต่ไม่มี…หมึกเซ็น มีแต่แฟ้มวางบนโต๊ะ แต่ไม่มีอำนาจ…สร้างสันติภาพจริง
ภาพนี้…คือ การสิ้นสุด! ของความเชื่อว่า…อาเซียนสามารถเป็น “ผู้จัดการความขัดแย้ง” ในภูมิภาคนนี้ได้ เพราะในความเป็นจริง อาเซียนเป็นได้แค่เพียง…“เวทีแถลงข่าวที่ยืมโต๊ะ” เท่านั้น
ถ้ามองลึกลงไปกว่านั้น การหมดความชอบธรรม! ของมาเลเซีย…ยังส่งผลเชิงยุทธศาสตร์ ต่อเสถียรภาพของอาเซียนโดยรวม???
เนื่องจาก…กัมพูชามีความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างกับจีน และจีนเอง ก็มีอิทธิพลสูงในโครงการลงทุนภายในประเทศกัมพูชา
เมื่อมาเลเซียไม่สามารถสร้างแรงกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามได้ น้ำหนักของจีน…ย่อมเพิ่มขึ้น! โดยอัตโนมัติ
ในขณะที่ ไทย…ในฐานะ “ประเทศแนวหน้า” ที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชา ย่อมต้องได้รับผลกระทบโดยตรง!
เป็นไทย…กลับต้องหาทางสร้าง “พันธมิตร” ทางการทูตชุดใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ภูมิภาคอาเซียน กลายเป็นสนามทดลองของอำนาจใหญ่
ความล้มเหลวของ มาเลเซีย…ยังสะท้อน “จุดเปราะบาง!!!” ของนายอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะ”ผู้นำประเทศ” และคนกลางของเรื่องนี้
แม้เขาจะพยายามใช้บทบาท “ประธานอาเซียน” ผู้สร้างสันติภาพ หวังยกระดับ…เครดิตทางการเมืองภายในประเทศ และบนเวทีโลก
แต่ผลลัพธ์ที่มี…กลับตรงข้าม!!! เมื่อภาพลักษณ์ “คนกลาง” ถูกมองว่าเป็นเพียงแค่ “ผู้ประกาศความปรองดอง” โดยไม่มีผลจริง!!??
ความน่าเชื่อถือของ นายอันวาร์ ทั้งในภูมิภาคอาเซียน และในมาเลเซียเอง จึงสั่นคลอนอย่างที่สุด!!!
เขากลายเป็น…ผู้นำที่ “พูดเก่ง” แต่เปล่าประโยชน์??? ตามคำวิจารณ์ของ…นักการเมืองฝ่ายค้านในกัวลาลัมเปอร์
เสียง “สื่ออาเซียน” บางส่วน เริ่มเปรียบเทียบว่า...อันวาร์ในอาเซียน คือ “นายกฯ A4” ที่พูดมากกว่าทำ???
เมื่อไม่มีทั้งอำนาจ เครื่องมือ และศรัทธา บทบาทของ “ผู้นำมาเลเซีย” ในฐานะ “คนกลาง” จึงเสื่อมถอย…เหลือเพียง…ภาพสัญลักษณ์ทางพิธีการ
ยิ่งข้อตกลงที่ถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำอีก! ก็ยิ่งทำให้เสียงเรียกร้องในไทย เริ่มดังขึ้นว่า…
“พอเถอะ อย่าให้คนกลาง A4 มายุ่งอีกเลย!!??”
แนวคิดนี้ มีน้ำหนักเชิงยุทธศาสตร์ เสียด้วย เพราะการเจรจาครั้งต่อไป…ฝ่ายไทย สามารถผลักดันให้ อินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม เข้ามาเป็นผู้ประสาน หรือแม้แต่เปิดทางให้ จีน และสหรัฐฯ ได้ทำหน้าที่สังเกตการณ์ร่วม
เพิ่ม…แรงกดดันทางการทูต! ให้กัมพูชา ต้องจริงจังกับคำสัญญา…มากกว่าที่แล้วๆ มา…
ในมิติของอาเซียน การยอมรับว่า…มาเลเซีย “หมดความชอบธรรมเชิงปฏิบัติ” ไม่ใช่…การทำลายสถาบัน แต่คือ การปรับโครงสร้างความจริง ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมใหม่
หากยังฝืนยึด “คนกลาง” ที่ไม่มีน้ำหนัก อาเซียน…จะสูญเสียความเชื่อถือ! ทั้งจาก…ประชาชนในภูมิภาคอาเซียนและจากโลกภายนอก
เวทีที่ควรเป็นกลไกสันติภาพ จะกลายเป็นเพียง “เวทีถ่ายภาพหมู่” ที่ใช้ประดับรายงานประจำปี แต่ไม่สามารถหยุดเลือดในสนามจริงได้เลย
บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ชี้ชัดว่า…“ความชอบธรรมเชิงสถาบัน” ไม่เพียงพอ หากปราศจาก “ความชอบธรรมเชิงปฏิบัติ” ที่ได้มาจาก…ผลลัพธ์จริงและศรัทธาของคู่กรณี
มาเลเซีย…อาจยัง “ถือแฟ้ม” ในฐานะ…ประธานอาเซียน ต่อไปอีกเดือนเศษ! แต่แฟ้มที่ว่านี้…จะกลายเป็นแค่เพียงกระดาษว่างเปล่า!!! ที่รอส่งต่อให้ประเทศถัดไป
โดยไม่มีแม้แต่…บันทึกข้อสรุปของสันติภาพ!!??
ในทางกลับกัน…ไทยจำเป็นต้องใช้จังหวะนี้ สร้างกรอบใหม่ของการจัดการความขัดแย้ง ด้วยแนวคิด ASEAN-Plus Confidence Framework ที่เปิดรับ…ผู้สังเกตการณ์จากมหาอำนาจภายนอก และองค์กรอิสระทางเทคนิค เช่น UNMAS หรือ ICRC เข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงด้านทุ่นระเบิด เพื่อลดช่องว่างความเชื่อใจระหว่าง กองทัพ 2 ฝั่ง นี่คือ…แนวทางที่จะเปลี่ยนจาก “โต๊ะเจรจาเพื่อภาพถ่าย” เป็น “โต๊ะเจรจาเพื่อข้อเท็จจริง” ซึ่งอาจฟื้นศรัทธาของอาเซียนในระยะยาวได้บ้าง
ถึงที่สุดแล้ว คำว่า “คนกลาง A4 (กระดาษ)” ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำประชด ต่อ “ผู้นำประเทศหนึ่ง” แต่มันคือการ “เตือนสติ!” สถาบันอาเซียนทั้งหมด ว่า…หากปล่อยให้กลไกของตน กลายเป็นเพียง “เอกสาร” ที่ไม่มีผลสัมฤทธิ์ใดๆ เกิดขึ้นแล้ว
ภูมิภาคนี้…ก็จะสูญเสีย! เสียทั้งความน่าเชื่อถือ และอำนาจต่อรองในเวทีโลก
การเป็น “คนกลาง” ที่ไร้อำนาจ! ย่อมไม่ต่างอะไรกับการ “ไม่อยู่ตรงไหนเลย?” และนั่น…อาจเป็น “จุดเริ่มต้น!” ของ การล่มสลาย…เชิงศรัทธาของอาเซียนในสายตาประชาคมโลก
หมดเวลา…หมดความชอบธรรมแล้ว สำหรับ ผู้นำ…คนกลางกระดาษ A4 ที่ว่างเปล่า!!!.






