‘โอกาสที่ 2’ ทรัมป์ & ทิน…ชงเงื่อนไขการค้าดีกว่าเดิม???

“นายกฯ อนุทิน” พบ “โดนัลด์ ทรัมป์” รอบ 2 หลัง “ดินเนอร์” ผู้นำเอเปค เผย! ฝ่ายไทยเจรจาขอปรับลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หวังเงื่อนไขดีกว่าเดิม ส่วน “ปธน.ทรัมป์” รับปาก? ชงต่อให้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ รับไปเจรจาแล้ว มั่นใจ! “(อนุ)ทิน – (โดนัลด์)ทรัมป์” ช่วยสร้างสัญญาณสัมพันธ์ไทย–อเมริกาขยับเชิงบวก หนุนโลกตอบรับไทยมากขึ้น
เวทีประชุม ผู้นำระดับสูงของเขตเศรษฐกิจเอเปค “ (เอเปค : ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก) ที่จัดขึ้น ณ เมืองคยองจู เกาหลีใต้ ได้สร้างโอกาสที่ 2 ของ “ผู้นำไทย” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้พบกับ นายโดนัลด์ ทรัปม์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ภายหลังเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ…
และเป็น นายอนุทิน ที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ตามไปทำข่าวถึงเมืองคยองจู ว่า…ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับ ปธน.ทรัมป์ ในบรรยากาศส่วนตัว หลังเสร็จสิ้นพิธีการ และได้สนทนาแบบเป็นกันเอง สร้างความเชื่อมั่นระหว่างกันมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ได้พบและคุยกัน ระหว่างร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
นายอนุทิน กล่าวว่า ในการพูดคุยครั้งนี้ ได้ขอบคุณ ปธน.ทรัมป์ อีกครั้ง ที่ช่วยประสานให้เกิดการลงนามในข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการคลี่คลายความตึงเครียดชายแดน และเปิดทางให้ทั้งสองประเทศเดินหน้าตามข้อตกลง 4 ข้อ ได้แก่…
การถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยตั้งเป้าหมายจะทำให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด
อีกทั้งยังได้พูดคุยในเรื่องที่เกี่ยวกับ การลดภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย เพื่อให้ไทยได้รับเงื่อนไขที่ดีกว่าปัจจุบัน โดยตนได้ขอให้ ปธน.ทรัมป์ ช่วยสนับสนุน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับด้วย และตัวแทนฝ่ายไทยจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เพื่อหาทางให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุด
นายอนุทิน ย้ำว่า…ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มการเจรจาครั้งนี้ถือว่าดีหรือไม่? นายอนุทิน ตอบว่า “ถือเป็นสัญญาณที่ดีมาก เราคุยกันมาสองครั้งแล้ว ทั้งในอาเซียนและในเอเปค ประธานาธิบดีทรัมป์ มีธุระหลายเรื่อง แต่ก็ยังจำได้และกลับมาย้ำด้วยตนเองว่าจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับผู้แทนการค้า ซึ่งผมมองว่าเป็นมิตรภาพที่ดีต่อประเทศไทย”
รายงานจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า บรรยากาศระหว่างนายอนุทิน กับ ปธน.ทรัมป์ เป็นไปอย่างชื่นมื่น มีการจับมือ สนทนาอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่ ปธน.ทรัมป์ จะเดินกลับมาสัมผัสไหล่ของนายกรัฐมนตรีไทย พร้อมกล่าวย้ำว่า “ผมจะพูดกับ USTR แน่นอน” สร้างความประทับใจแก่คณะผู้แทนไทยที่ร่วมงาน
ด้าน “โฆษกรัฐบาล” นายสิริพงศ์ อังกาสุกุลเกียรติ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลการพบปะดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้าสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคงกับสหรัฐฯ หลังจากที่ “รัฐบาลอนุทิน” ประกาศแนวนโยบาย “ไทยเชื่อมโลก” มุ่งผลักดันความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน และเทคโนโลยีขั้นสูง
ขณะเดียวกัน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังเผยแพร่เอกสารยืนยันว่า “รัฐบาลไทยขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนกระบวนการสันติภาพชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
และ เตรียมให้กระทรวงพาณิชย์หารือรายละเอียดภาษี รวมถึงแนวทางเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ในลำดับถัดไป
ด้าน นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า การที่ผู้นำสหรัฐฯ ให้ความสนใจพูดคุยกับผู้นำไทยแบบไม่เป็นทางการ สะท้อนว่าประเทศไทยกำลังกลับมามีบทบาทเชิงบวกในเวทีระหว่างประเทศอีกครั้ง ทั้งในฐานะตัวกลางด้านสันติภาพและฐานการผลิตในภูมิภาค
เขายังมองอีกว่า…ความสัมพันธ์ระหว่างไทย–สหรัฐฯ หลังการพบปะครั้งนี้ มีแนวโน้มจะขยายในเชิงเศรษฐกิจและการทหารมากขึ้น
บรรดาฝ่ายค้านในสภาฯ แม้จะยังไม่ออกมาแสดงความเห็นอย่างเป็นทางการ แต่ แหล่งข่าวทางการเมือง ระบุว่า ฝ่ายค้านบางส่วนแสดงท่าทีระมัดระวัง โดยมองว่าการลดภาษีหรือการเจรจาผลประโยชน์ระหว่างประเทศ ควรผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างโปร่งใส และให้สภามีส่วนร่วม เพื่อป้องกันการตกลงในลักษณะที่อาจกระทบต่อผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศ
อย่างไรก็ดี สำหรับ “รัฐบาลอนุทิน” การพูดคุยครั้งนี้ ถือเป็น “หมุดหมายสำคัญ” เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่า ไทยกลับมามีบทบาทในสายตาชาติมหาอำนาจอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็น…การประสานสันติภาพกับกัมพูชา หรือ การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งต่างสะท้อนถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของรัฐบาล ที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่าง “มิตรภาพ–ผลประโยชน์–อธิปไตย” บนเวทีโลก.






