ดึงเอกชนใช้ AI จับผิด! โกง ‘คนละครึ่งพลัส’ – ครึ่งเช้าวันที่ 2 ของโครงการฯ เงินสะพัด 2.2 พันลบ.

“คนละครึ่งพลัส” วันที่ 2 แค่ครึ่งวันแรก พบเงินสะพัดรวมวันแรกแล้ว กว่า 2.2 พันล้านบาท ด้าน “นายกฯ อนุทิน” สั่งเดินหน้าเฟส 2 พร้อมเข้มมาตรการคุมโกงออนไลน์ เผย! รัฐบาลจับมือ “แพลตฟอร์มใหญ่” ใช้ AI ตรวจจับราคาสินค้า–สินค้าผิดกฎหมาย ย้ำ! ห้ามแลกเงินสดเด็ดขาด
วันที่ 2 ของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” หลังจากวันแรก (29 ต.ค. 2568) ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยกระทรวงการคลัง ระบุว่า วันแรกของโครงการ พบยอดการใช้จ่ายของประชาชน รวมกันกว่า 1,500 ล้านบาท จากผู้ใช้สิทธิ์กว่า 3.6 ล้านคน และร้านค้าที่เข้าร่วมกว่า 600,000 แห่ง
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวระหว่างการเข้าร่วม การประชุมผู้นำเอเปคที่เกาหลีใต้ ว่า รู้สึกยินดีที่เห็นประชาชนออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก ถือเป็นสัญญาณว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลตอบโจทย์จริง และยืนยันว่าโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 จะเกิดขึ้นแน่นอน
พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งป้องกันกลโกงร้านค้าที่ชวนแลกสิทธิเป็นเงินสด โดยสั่งให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวด
ด้าน ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ระบุว่า โครงการคนละครึ่งพลัสเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนและสร้างสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการรายย่อย โดยยืนยันว่า ร้านค้าที่ยังไม่ได้เข้าร่วมสามารถลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 19 ธ.ค.นี้ และสำหรับประชาชนที่ตกหล่นจากเฟสแรก รัฐบาลได้เตรียมเปิด “เฟส 2” แน่นอน ตามคำสั่งการของนายกรัฐมนตรี
นายสิริพงศ์ อังสกุลเกียรติ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์การใช้สิทธิอย่างใกล้ชิดจากต่างประเทศ และได้แสดงความพอใจที่ประชาชนตอบรับโครงการอย่างคึกคัก โดยรัฐบาลได้ประสานกับหน่วยงานด้านเทคโนโลยีการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบตรวจจับความผิดปกติ พร้อมเตือนร้านค้าและประชาชนว่า “ห้ามซื้อขายสิทธิหรือแลกสิทธิเป็นเงินสด” เพราะเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายคอมพิวเตอร์และประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต่อมา เมื่อช่วงสายวันนี้ (30 ต.ค.) นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการหารือกับ ตัวแทนแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหญ่ โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” นั้น จะดำเนินการเพื่อให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม โดยเฉพาะในส่วนของ การซื้อขายสินค้าออนไลน์และบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่อาจมีการปรับราคาสูงเกินจริง ซึ่งอาจกระทบต่อประชาชนผู้ใช้สิทธิ์
นายสันติ กล่าวว่า รัฐบาลได้ขอความร่วมมือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มทุกแห่งช่วย “มอนิเตอร์” ความผิดปกติของร้านค้า หากพบการขึ้นราคาสินค้าโดยไม่สมเหตุผล ให้ปิดระบบการขายทันที พร้อมส่งรายงานต่อกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน อีกทั้งได้เริ่มนำระบบ AI เข้ามาใช้ตรวจจับความผิดปกติ เช่น การซื้อขายสินค้าผิดกฎหมาย หรือการพยายามนำสิทธิโครงการไปแลกเงินสด
“รัฐบาลเอาจริงกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในโครงการคนละครึ่งพลัส เราไม่ได้เพียงใช้มาตรการลงโทษ แต่เน้นสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคว่า ทุกบาทที่ใช้จ่ายจะถึงมือร้านค้าและผู้ประกอบการจริง ๆ” นายสันติ ย้ำ
นอกจากนี้ ได้เปิดช่องทางร้องเรียนผ่านสายด่วน 1166 และช่องทางออนไลน์เพิ่มเติมอีก 10 คู่สาย เพื่อรองรับปัญหาที่เกิดจากการใช้สิทธิ์ พร้อมย้ำว่า ประชาชนสามารถแจ้งเหตุหรือร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ “คนละครึ่งพลัส” ได้โดยตรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที
ล่าสุด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง รายงานอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับ ยอดใช้จ่ายในโครงการ “คนละครึ่งพลัส” จนถึงเที่ยงของวันนี้ (30) โดยระบุว่า มียอดใช้จ่ายรวมแล้วกว่า 2,200 ล้านบาท ส่วนรายละเอียด ทางโฆษกกระทรวงการคลัง จะนำเสนออย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง.






