ตีน!!??

เสียง “คนสุรินทร์” ตอบคำถาม “นายกฯอนุทิน” ชัด! “ตีน” ไม่ใช่ “มือ” บอกต้องการ “ปิดตาย – ด่านชายแดน” สอดรับสถานการณ์จีน หยุด! ส่ง “อาวุธล็อตใหม่” ให้กัมพูชา เปิดทาง “กองทัพไทย” เดินเกมกดดันทุกเวทีการเจรจากับข้างบ้าน นำสู่…เป้าหมายสูงสุด! กัมพูชาต้องยุติการเป็นภัยคุกคามต่อไทยโดยสิ้นเชิง! ขอบคุณ “ตีน” ของชาวบ้าน ที่คอยค้ำยัน…รัฐบาลชุดนี้!!!
“ตีน” สั้นๆ เพียงคำเดียว…ที่ ชาวบ้านชายแดนจังหวัดสุรินทร์ ตอบกลับไปยังคำถามของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในเวทีพบปะประชาชน ณ โดม รร.พนมดงรักพิทยา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.2568)
จากต้นทางที่มี…เริ่มที่คำถาม “…จะให้เปิดด่านหรือไม่?” และเป็นประชาชนที่ยกมือบอกในทำนอง…ปิดด่าน!!!
จากนั้น…นายกรัฐมนตรี จึงถามกลับไปว่า… “ถ้าหากคนเปิดด่านจะเจอมือหรือตีน?”
ชาวบ้านตอบกลับทันทีควัน!…“ตีน!!!”
“เราต้องทำในทุก ๆ สิ่ง เพื่อให้เราไม่เสียเปรียบ และให้ประโยชน์สูงสุดเกิดขึ้นกับเรา มีช่องทางหลายช่องทางให้สถานการณ์กลับมาให้ดีที่สุด!…”
นั่นคือคำพูดบางส่วนของ นายกรัฐมนตรี หลังจากได้รับคำตอบ “ตีน” ไปก่อนหน้านี้
เสียงของ ชาวบ้าน จ.สุรินทร์ ถือเป็นเสียงสะท้อนที่แท้จริงจากประชาชนผู้ที่ต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
การปะทะระหว่าง…ทหารไทยและกัมพูชา ในห้วงวันที่ 24–28 ก.ค.2568 กลายเป็นรอยแผลที่ยังไม่จางหาย และทำให้ชาวบ้านหวาดหวั่น ว่า…
หากเปิดด่านเมื่อใด? ความเสี่ยงและภัยคุกคาม…ก็พร้อมจะหวนกลับมาอีกครั้ง!!!
คำว่า “ตีน” ในความหมายของ ชาวบ้าน จ.สุรินทร์ หาใช่…คำสบถ!!! หากแต่เป็น…คำประกาศเชิงการเมืองอย่างตรงไปตรงมา สะท้อนว่า…
ประชาชนต้องการให้ รัฐบาลและกองทัพ รักษาท่าทีเข้มแข็ง!!!
ยึดแนวนโยบาย “ปิดด่าน!!!” ต่อไป จนกว่า…ฝ่ายกัมพูชาจะยุติการเป็นภัยต่อไทยอย่างแท้จริง
เสียงของประชาชน…สะท้อนทิศทางเดียวกับกองทัพ ที่ได้ วางเงื่อนไขชัดเจน ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 10–12 ตุลาคมนี้ ณ จ.บันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา
หนังสือตอบกลับคำเชิญของฝั่งกัมพูชา ที่ พลโท วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่…ส่งไปให้นั้น กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน…
หากไม่มี…วาระการอพยพชุมชนกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ชายแดนไทย การประชุมจะถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด
และ กองทัพภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะ กองทัพภาคที่ 1 รวมถึง กองบัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี–ตราด (กปช.จต.) ก็จะไม่เข้าร่วมประชุมด้วยเช่นกัน…
แน่นอนว่า…หากทุกกองทัพของไทย ไม่ได้ประชุมกับทางฝั่งกัมพูชา! ฝ่ายการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ใดๆ ก็ตาม ที่แอบยัดไส้…ใส่ความหวังจะเห็น การเปิดด่าน??? ก็อย่าหวังจะได้เห็น การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ระหว่าง รมว.กลาโหม ของทั้ง 2 ชาติ อีกเลย
Impossible!!!
แรงกดดันเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งหลายทั้งปวงจากฝั่งไทย จึงกำลังถาโถมใส่กัมพูชาในหลายทิศทาง นั่นย่อมหมายรวมถึง…ประเด็นที่ “สื่ออเมริกัน” (New York Times) และ แหล่งข่าวกรองไทย ที่ได้รายงานตรงกันว่า…
ก่อนการปะทะเมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา…ทางการจีนได้จัดส่งอาวุธและกระสุนจำนวนหนึ่งให้กัมพูชา ซึ่งกลายเป็นชนวนให้เกิดข้อครหาว่า…
กัมพูชาได้รับ “ไฟเขียว” จากพันธมิตรผู้ทรงอิทธิพลหรือไม่? อย่างไร?
ทว่า…เมื่อเสียงวิจารณ์ดังขึ้น พร้อมกับแรงกดดันจากสังคมโลก ความเคลื่อนไหวล่าสุด ชี้ว่า…จีนมิได้จัดส่งอาวุธล็อตใหม่เพิ่มเติมให้หลังเหตุปะทะ!!!
สิ่งนี้ ได้รับคำยืนยันจากปากของ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ที่ตอบคำถามของนักข่าวว่า…“จากการตรวจสอบกับหน่วยข่าว เรื่องนี้เป็นข่าวเก่าและข่าวเปิด ผมขอยืนยัน…”
ก่อนจะย้ำอีกว่า…“จีนได้มีการสนับสนุนอาวุธให้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งช่วงนั้นไทย-กัมพูชา ยังไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่ถ้ามีความขัดแย้งและความตึงเครียดในลักษณะนี้ ผมก็มั่นใจว่า ทางจีนคงจะพิจารณาด้วยความรอบคอบ…”
ความเงียบจากจีน…ย่อมมีนัยสำคัญ??? เพราะทำให้ “แรงเสริม” จากภายนอก ที่กองทัพกัมพูชา เคยพึ่งพา…เริ่มสั่นคลอน!!!
หากจีนหยุดการส่งอาวุธเพิ่มเติม ฝ่ายกัมพูชา ย่อมรู้ตัวว่า…พื้นที่ต่อรองกำลังหดแคบลง ความหวังที่จะใช้พลังทางทหารกดดัน! ชายแดนไทย…แทบไม่เหลืออะไร???
แล้วยังจะถูกบีบให้กลับไปสู่ “โต๊ะเจรจา” ภายใต้เงื่อนไขของฝ่ายไทย อีกด้วย!
ขณะเดียวกัน การที่ประชาชนชายแดน ยืนยันหนักแน่นว่า…เป็น “ตีน” ไม่ใช่ “มือ” ยิ่งจะทำให้ “รัฐบาลไทย” ไม่อาจจะเดินเกม “อ่อนข้อ!” ได้อีกต่อไป
ฝ่ายการเมือง…แม้จะถูกแรงกดดันจาก พ่อค้า นักธุรกิจชายแดน และเครือข่ายผลประโยชน์สีเทา แต่กับ “กระแสประชาชน” กลับเป็น “กำแพงขนาดใหญ่” ที่จะบีบให้…ต้องเดินตาม “ทิศทางเดียวกับกองทัพ”
นี่จึงเป็นจังหวะที่…กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 รวมถึง กองทัพเรือ สามารถจะเพิ่มขยาย แรงกดดันเชิงยุทธศาสตร์ อย่างสอดประสาน!!!
ไม่ใช่เพียงเพื่อแค่การ…ยื้อเวลา แต่เพื่อขับเคลื่อนไปสู่…เป้าหมายสูงสุด!!! นั่นคือ…
การทำให้…กัมพูชา “สิ้นสุดการเป็นภัยคุกคาม” ต่อไทยโดยเด็ดขาด!!??
การปิดด่าน…กลายเป็นมาตรการที่ไม่ใช่แค่ การหยุดการค้าและการเดินทาง หากแต่ยังเป็น “เครื่องมือ” ที่พร้อมจะบีบบังคับ! ในทางการเมืองและความมั่นคง ที่ฝ่ายไทยได้บอกกับฝั่งกัมพูชา ว่า…
หากไม่ยอมปรับพฤติกรรมและยุติการรุกล้ำ! กัมพูชาจะไม่ได้รับผลประโยชน์ร่วมใด ๆ อีก!!!
แรงกระแทกจาก สังคมชายแดน รอบนี้…ยังคงสร้าง “พลังสะสม” ต่อการเมืองระดับชาติ และความเชื่อมั่นของ ประชาชนในภาคอีสานที่มีต่อรัฐบาล ในครั้งนี้ หลายเชื่อว่า…จะผูกพันโดยตรงกับการตัดสินใจในเชิงนโยบายและการแก้ไขปัญหาเรื่องชายแดน
หาก…รัฐบาลเดินเกมแข็งตามกองทัพ คะแนนนิยมย่อมหนุนเสริม แต่หาก “กลับลำ” หันไปเปิดด่าน โดยไม่มีหลักประกันความมั่นคง ผลสะท้อนที่จะมีกลับคืนมา ย่อมต้อง…รุนแรง! และอาจบั่นทอนเสถียรภาพทางการเมืองในระยะยาว
ในทางกลับกัน สำหรับ กัมพูชา…การที่จีนไม่ส่งอาวุธใหม่ อาจเป็นสัญญาณ ว่า…ปักกิ่งเองไม่ต้องการให้สงครามชายแดนยืดเยื้อ จีนอาจเลือกวางตัว “คุมเกมจากระยะไกล” มากกว่าจะลงแรง…กระทั่ง เสี่ยงภาพลักษณ์กับประชาคมโลก
ทั้งหมดนี้…ล้วนมีจุดเชื่อมโยงที่เป็นเพียงคำสั้น ๆ จากปากชาวบ้านสุรินทร์ ว่า…“ตีน!!!”
คำพูด ที่ไม่เพียงเป็นการ…ตอบคำถามของนายกรัฐมนตรี หากแต่เป็น “เสียงประชามติ” ของ คนบริเวณแนวชายแดน ที่ตอกย้ำว่า…
ประเทศไทยไม่อาจปล่อยให้การเมือง หรือผลประโยชน์ธุรกิจ บดบังความมั่นคงของชาติได้อีกต่อไป
ตราบใดที่…กัมพูชายังไม่ยุติบทบาทในฐานะ “ภัยคุกคาม” ต่อประเทศไทย การปิดด่าน…จึงเป็นเพียง “คำตอบเดียว” ที่ประชาชนยอมรับได้…
และ “ตีน” จะเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่คอยค้ำยันให้ รัฐบาล และ นายกฯอนุทิน ได้ “ทรงตัว” บนสภาวะที่ล้อไปกับความต้องการของคนไทยทั้งแผ่นดิน
ตีน…ตีน…และตีน!!!.