ถอดบทเรียน Bully Marketing – หยุดสงครามธุรกิจร้านสะดวกซื้อ
การทำตลาดในแบบ Bully Marketing ด้วยการล้อเลียนแบรนด์สินค้าของตัวเอง มิใช่เรื่องเลวร้ายอะไร? ตราบใดที่ไม่ไป “บูลลี่”…ละเมิดสิทธิ์ของคู่แข่งธุรกิจรายอื่นๆ แต่กับพฤติการณ์ของแบรนด์ “ร้านสะดวกซื้อ – หน้าใหม่” บางรายแล้ว จัดว่าสุ่มเสี่ยงอย่างที่สุด! หากจะปล่อยให้สิ่งนี้…เดินหน้าต่อไป จนอาจพัฒนากลายเป็นสงครามธุรกิจ ที่สุด! จำต้องหยุดยั้งก่อนจะสายเกินแก้!
เทรนด์การตลาดรูปแบบใหม่ Bully Marketing มี “จุดเด่น” เน้นการ “ล้อเลียน” แบรนด์สินค้าของตัวเอง ซึ่ง ที่ผ่านมา ก็มี “เจ้าของแบรนด์สินค้า” หลายค่าย…ได้ทำกันมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้
แน่นอนว่า…หากเจ้าของแบรนด์สินค้าทำกันดีๆ มีการวางแผน ทำการบ้านอย่างลงลึกและเป็นระบบ ผ่านการวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่เด่นชัด ประสานการวางกุศโลบายด้านการสื่อสาร กระทั่ง สร้างคอนเทนท์ที่ “โดนใจ” แล้วนำไปออกสื่อ ชนิด “ยิงตรงเป้า…เข้าประเด็น” สอดรับกับกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด ในห้วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว
ก็มีโอกาส “ปัง!” ทั้งการสร้างความรู้จัก สร้างการยอมรับในแบรนด์สินค้านั้นๆ และเพิ่มยอดขายอย่างถล่มทลายได้เหมือนกัน
“น้ำพริกแคบหมูยายน้อย” คือ ตัวอย่างของแบรนด์สินค้า ที่เจ้าของแบรนด์ คือ “คุณเบียร์ – ศรัญญู เพียรทำดี” ได้นำกลยุทธ์การสร้างคอนเทนท์ ด้วยการใช้ถ้อยคำเสียดสี ล้อเลียน ปนตลกขบขัน มาสร้างประเด็นกับตัวแบรนด์สินค้า กลายเป็นกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ จนเกิด Engagement ที่มีการแชร์ และพูดปากต่อปาก สร้างการรับรู้ และเพิ่มยอดขายได้มากมาย
สำรวจดูคำล้อเลียนยอดฮิต ที่ “น้ำพริกแคบหมูยายน้อย” ได้ทำการล้อเลียนแบรนด์สินค้าของตัวเอง โดยที่ไม่ได้สร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับแบรนด์สินค้าของคู่แข่งหน้าไหน? กระทั่ง เกิดเป็นกระแสไวรัล และสร้างยอดขายอย่างถล่มทลายอย่างที่เห็น…
ไปดูกันดูว่า…คำล้อเลียนเหล่านั้น มีประโยคไหนที่ “โดนใจ” คนในโลกออนไลน์กันบ้าง…
● น้ำพริกยายน้อย อร่อยให้ 6 สกปรกให้ 10
● คำแรกติดใจ คำต่อไปติดคอ
● ดีต่อใจบรรลัยต่อฟัน
● กินตาย คายรอด
และอื่นๆ อีกมากมาย…
ข้างต้น…กลายเป็น “กรณีศึกษา” ที่เจ้าของแบรนด์อีกหลายคน จดจำ นำไปเลียนแบบ และต่อยอด ได้อย่างหลากหลาย…
อย่างน้อยแนวคิด…Bully Marketing ของ “น้ำพริกแคบหมูยายน้อย” ก็ไม่ได้ “บูลลี่” แบรนด์สินค้าของคู่แข่ง หรือแบรนด์สินค้ารายอื่นๆ
ต่างจาก “คนทำการตลาด” ในแบบ “ตีหัวเข้าบ้าน” ของผู้ประกอบการบางราย? ที่เลือกจะใช้แนวคิด Bully Marketing โดยการทำลายชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของคู่แข่ง ทั้งทางตรงและทางอ้อม!!!
มีการใช้ (ซื้อ) บริการของ สื่อสังคมออนไลน์หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะ…เพจ Facebook เพื่อทำร้ายแบรนด์คู่แข่งธุรกิจ โดยที่ตัวเองไม่ต้องออกหน้า…
“ทีมข่าวยุทธศาสตร์ออนไลน์” มองเห็นปรากฏการณ์ Bully Marketing ในแบบตรงกันข้ามกับกลวิธีเช่นที่เจ้าของแบรนด์ “น้ำพริกแคบหมูยายน้อย” ทำไว้ กล่าวคือ…มีการใช้แนวคิดดังกล่าว ไปทำลายชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของคู่แข่ง แถมโบ้ยความผิดไปให้แบรนด์คู่แข่งรายอื่นๆ
มุ่งหวังจะ “ปั่นกระแส” เพื่อให้คู่แข่งธุรกิจทะเลาะกันเอง
ส่วนตัวเอง “นั่งบนภูดูเสือ (คู่แข่ง) ฟัดกัน!” จากนั้น…ก็ส่ง “ทีมไอโอ” ปั่นภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับแบรนด์สินค้าของตัวเองจนฟูฟ่อง ท่ามกลางสงครามการค้าที่อาจก่อตัวขึ้นได้ทุกขณะ…
วิธีการแบบนี้ หากไปถามเอากับคนที่อยู่ในแวดวงการตลาด ไม่ว่าจะเป็น การตลาดรูปแบบเก่า (ออฟไลน์) หรือ รูปแบบใหม่ (ออนไลน์) เชื่อได้ว่า…คงมีเสียงคำตอบคล้ายๆ กัน นั่นคือ…
ไม่แมน! (ไม่เป็นลูกผู้ชาย) สักเท่าใด?
ปรากฏการณ์ที่ว่า คือ การปั่นกระแส “ภาพลบ” ให้กับยักษ์ใหญ่…“ร้านสะดวกซื้อ” บางแห่ง? โดยทำการ “บูลลี่” กับบางแคมเปญที่คู่แข่งรายนี้ ได้ดำเนินการเอาไว้ต่อสังคมไทยมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง
“บูลลี่” คำซึ่งนักวิชาการชื่อดัง อย่าง… ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยให้คำจำกัดความวลีนี้ ว่าเป็น…การกลั่นแกล้งและรังแก เป็นการละเมิดคนอื่น โดยผู้กระทำ (คนอยู่เบื้องหลัง) ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
แม้รูปแบบการ “บูลลี่” ของคู่แข่งรายสะดวกซื้อรายนี้ จะไม่ถึงกับการอำนาจหรืออิทธิพลที่เหนือกว่า มาข่มเหงรังแกกัน แต่ยังคงเป็นการกลั่นแกล้งกันอย่างเปิดเผย ด้วยการใช้บริการของเพจ Facebook หลายๆ แห่ง มาโจมตีแนวคิดและนโยบายในการดำเนินธุรกิจของ “เหยื่อเป้าหมาย” ซึ่งเป็นคู่แข่งขันทางธุรกิจทางตรง ในลักษณะ “แยกกันเดิน ร่วมกันตี”
หลาย “วาทะกรรม” ที่ถูกสร้างขึ้นมาและส่งต่อถึงกัน ผ่านหลายๆ เพจ Facebook ล้วนมีเป้าหมายโจมตี ในลักษณะ…เน้นทำลาย “จุดอ่อน” ของคู่แข่ง ควบคู่ไปกับชู “จุดเด่น” ของตัวเอง วนหรูบและตอกย้ำกันอยู่อย่างนี้…
พุ่งเป้าทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของคู่แข่งธุรกิจที่ตกเป็น “เป้าหมายสำคัญ”
ภายใต้ความเชื่อที่ว่า…หากสามารจะ “จุดกระแสติด!” ขึ้นมาได้ ก็จะทำให้คู่แข่งธุรกิจ จำต้อง…สาละวนอยู่กับการ “แก้ต่าง – ภาพลักษณ์ของตัวเอง” จากข้อกล่าวหาที่โดนโจมตี
แม้จะไม่ถึงกับ สร้างการ “ล่มสลาย” ในทางธุรกิจ แต่ก็ทำให้การ “เดินหน้า” ของคู่แข่งที่ตกเป็น “เหยื่อเป้าหมาย” ของการทำ “บูลลี่” ในครั้งนี้ เดินหน้าไปต่อได้ไม่ง่าย…
ที่สำคัญ “ตัวการ” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้ ยังได้สร้าง “ตัวละครใหม่” ขึ้นมา…คู่ขนานกันไป ประมาณว่า… “ตัวละครใหม่” ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่ง “คู่แข่งธุรกิจทางตรง – ร้านสะดวกซื้อ” คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการทำ “บูลลี่” คู่แข่งธุรกิจที่ตกเป็นเป้าหมายหลัก
โยนให้เป็นความผิดของ “ตัวละครใหม่” กันไป…
ปรากฏการณ์ Bully Marketing ในลักษณะนี้ สำหรับ “ทีมข่าวยุทธศาสตร์ออนไลน์” แล้ว อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า หากยังคงปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปแล้ว เกรงจะเป็นการ “เปิดศึกใส่กัน” แบบไม่รู้จบสิ้น!
โดยที่ผู้บริโภคและสังคมไทย…ไม่ได้อะไรจากการทำ Bully Marketing ในรอบนี้…
ต้องรับว่า…คู่แข่งที่ตกเป็น “เหยื่อเป้าหมาย” ของเกมการ “บูลลี่” ก็ดี “ตัวละครใหม่” ที่ถูกป้ายสี…ให้เป็นคนผิดในเกมฯนี้ ก็ดี แม้กระทั่ง “ตัวการ” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังฯเอง พวกเขาต่างก็ได้ชื่อว่าเป็น “ยักษ์ใหญ่” ในแวดวงธุรกิจ “ร้านสะดวกซื้อ” ด้วยกันทั้งสิ้น
หากทุกเจ้าคิดเหมือนกัน…นายทำฉันได้ ฉันก็เอาคืนได้เช่นกัน!!!
กระทั่ง สถานการณ์ที่ว่านี้ พัฒนาจนนำไปสู่การก่อ “สงครามธุรกิจ” กลายๆ ระหว่างกันแล้ว มันย่อมไม่ก่อผลดีต่อใครทั้งสิ้น
ทางออกของเรื่องนี้ “ทีมข่าวยุทธศาสตร์ออนไลน์” ขอแนะนำให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะ ฝ่ายที่เริ่มเปิดศึกทางธุรกิจ…กลับไปสู่ “ที่ตั้ง” ของตัวเองกันใหม่
ใครมีเป้าหมายและแผนงานการทำธุรกิจอย่างไร? ก็เดินหน้ากันต่อไป
เลิกการทำ “บูลลี่ – โจมตีคู่แข่ง” เสียที!
ยึดแนวคิดและแนวทางการดำเนินธุรกิจ แบบที่ “ลูกผู้ชาย” ส่วนใหญ่…เขาทำกัน
ส่วนใครที่ถูก “บูลลี่” แล้วเกิดเป็นความเสียหาย หากสามารถพิสูจน์หลักฐานได้ ก็ควรดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดี ทั้งในทางอาญาและแพ่งกันต่อไป
สำหรับเคสท์นี้ เท่าที่ “ทีมข่าวยุทธศาสตร์ออนไลน์” ลองย้อนกลับไปเปิดดู…เพจ Facebook หลายๆ เพจที่เป็นต้นทาง…เครือข่ายเกมการ “บูลลี่” ในครั้งนี้ พบว่า…หลายเพจฯ ได้ทำการลบข้อความที่เคยโจมตี “เหยื่อเป้าหมาย” ที่คู่แข่งธุรกิจของ “ผู้จ้างวาน” กันเกือบหมดแล้ว (ดูภาพประกอบ)
คงเพราะกลัวความผิดในทางกฎหมาย ตั้งแต่…การหมิ่นประมาทด้วยข้อความโฆษณา การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) รวมถึงการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
แต่นั่น…ก็ไม่อาจทำให้ “ภาพลักษณ์” ที่เสียหายไปแล้ว ของ “เหยื่อเป้าหมาย” ซึ่งเป็นคู่แข่งธุรกิจ…ฟื้นกลับคืนมาได้ในเวลาอันรวดเร็วนัก
จะว่าไปแล้ว…การใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในลักษณะ Bully Marketing จะไม่ถือเป็นสิ่งผิด และ/หรือ เป็นความเลวร้าย ตราบใดที่ไม่ไปก้าวล่วงหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น…
หากแต่วิธีการที่ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ของเกมการบูลลี่กับคู่แข่งธุรกิจ…ยักษ์ใหญ่ “ร้านสะดวก” เช่นที่ “ทีมข่าวยุทธศาสตร์ออนไลน์” ได้หยิบยกขึ้นเป็นกรณีศึกษาของสถานการณ์นี้…
ย่อมไม่ใช่เรื่องดี ที่ใครควรจะเลียนแบบและทำตาม…
หาก “เหยื่อเป้าหมาย” ของการทำ Bully Marketing ในเกมสปกรกนี้…จะดำเนินการในทางกฎหมายเอากับ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” แล้ว เชื่อว่า…คงจะหาข้อมูล เอกสารหลักฐาน เพื่อนำมาประกอบคำฟ้องร้องดำเนินคดีได้ไม่ยากสักเท่าใด?
บางครั้งการใช้ประเด็นข้อกฎหมายต่อ “ผู้กระทำผิด” ทั้งในทางคดีอาญาและทางแพ่งตามมา ก็อาจเป็นการหยุดยั้งการสร้างความเสียหาย และสอน “บทเรียนใหม่” ให้กับสังคมไทย ได้ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรและไม่ควรกระทำต่อกัน…
ไม่ว่าจะเป็น…มิตร ศัตรู หรือคู่แข่งในทางธุรกิจ!.