การเมือง? เรื่องซ้ำซาก ปมสะพานพระราม 2 ถล่ม!

เรื่องของการเมือง…ผูกโยงได้กับทุกเรื่อง ตั้งแต่ ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปัญหาความมั่นคงของชาติ ปัญหาเศรษฐกิจ ยันปัญหาปากท้องของประชาชน แม้กระทั่ง ข่าวในทำนองอาชญากรรมและความสูญเสียใดๆ ล้วนนำมาเชื่อมโยงกับข่าวการเมืองได้ตลอด
ล่าสุด ปมปัญหาความซ้ำซาก กรณีสะพานพระราม 2 ถล่ม! บริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานทางยกระดับ ในโครงการทางพิเศษ สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก ย่านถนนพระรามที่ 2 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร ที่เกิดถล่มเป็นทางยาวตั้งแต่ซอย 17-25 เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 14 ต่อเนื่องเช้าวันที่ 15 มี.ค.2568 กระทั่ง มีผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และผู้สูญหายเป็นจำนวนมาก
มีรายงานแจ้งว่าเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (15 มี.ค.) พบผู้เสียชีวิต 5 ราย แบ่งเป็นคนไทย 3 คน และแรงงานเมียนมาอีก 2 คน ขณะที่ผู้บาดเจ็บ 22 คน ได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ แบ่งเป็นคนไทย 8 คน, ชาวเมียนมา 11 คน และชาวกัมพูชาอีก 3 คน
เรื่องในทางคดีความ ที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงเจ้าของโครงการและผู้รับเหมา ก็ว่ากันไปตามข้อกฎหมาย แต่ยังไงก็ขอวอนให้สังคมไทยช่วยกันเกาะติดเรื่องนี้ อย่าได้ปล่อยให้เป็นไปในลักษณะ “คลื่นกระทบฝั่ง” เพียงเพราะมีการแจกจ่ายเงินเยียวยาและใช้เงินปิดคดีกับทางเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
แน่นอนว่า…เรื่องพรรค์นี้ จะไม่ให้ “คนการเมือง” ที่อยู่คนละฟากฝั่งกับรัฐบาล หยิบเอามาเป็นประเด็นการเมือง พาดพิงไปถึงคนใน “รัฐบาลแพทองธาร” ก็คงไม่ได้…
เรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนไทยและแรงงานต่างด้าว แถมยังอยู่ในความสนใจของ นักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย โดยเฉพาะ “สื่อต่างประเทศ” ที่พร้อมจะรายงานข่าวลบ ข่าวร้าย ข่าวที่พร้อมทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ดีงามของประเทศไทย ในทุกครั้งที่มีโอกาส
จะว่าพวกเขาก็คงไม่ถูก หากไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น มีหรือที่ “สื่อต่างประเทศ” จะเต้าข่าวถล่มประเทศไทยได้
ฉะนั้น รัฐบาลอย่าได้คิดใช้ฝ่ามือปิดบัง…ซ่อนเร้น! เด็ดขาด!!!
และก็เป็น “สาวไอซ์” น.ส.รักชนก ศรีนอก “ส.ส.ตัวตึง” แห่งพรรคประชาชน ที่ออกมาพูดถึงประเด็นสะพานพระราม 2 ถล่ม! ระหว่างที่ได้ลงพื้นที่บริเวณหน้าด่านดาวคะนอง เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (15)
ประเด็นที่ “ส.ส.ไอซ์” หยิบมาพูดถึง น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องราวทำนองคล้ายๆ กัน ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย.2567 ที่ผ่านมา
เธอย้อนความหลังครั้งนั้นว่า…ครั้งนั้น เป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ที่ได้ตกปากรับคำเอาไว้ว่า จะสืบสวนในเรื่องนี้และดำเนินการต่างๆ ภายใน 30 วัน แต่หลังจาก 30 วัน คณะกรรมการติดตามงบประมาณได้ลงพื้นที่เพื่อทวงถามรายงานสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ไปถึงไหนแล้ว กลับได้รับคำตอบว่า ขอเวลาเพิ่มอีก กลายเป็นว่าในสิ้นเดือน ก.พ.2568 ถึงจะส่งรายงานให้ ทว่า จนถึงปัจจุบันที่ได้เข้าสู่กลางเดือน มี.ค.2568 แล้ว ผลการสอบสวนเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ยังไม่เสร็จ แถมมาเกิดเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นอีก
“ที่ผ่านมา เราไม่มีการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์เก่า และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย สุดท้ายก็กลายมาเกิดเหตุการณ์ใหม่อีก” น.ส.รักชนก ระบุและย้ำว่า…เธอได้รับคำรับรองจากข้าราชการที่เกี่ยวข้องว่า พร้อมจะดำเนินการสืบสวนในเรื่องนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน แต่เธอยังไม่อยากจะเชื่อจะเสร็จตามกำหนด เนื่องจากเรื่องเก่ายังไม่เสร็จเลย
“ส.ส.ตัวตึง” พรรคประชาชน กล่าวอีกว่า จนถึงนาทีนี้ ภาครัฐยังไม่ได้กำหนดบทบทลงโทษใดๆ แก่ผู้รับเหมาเลย และยังไม่มีการพูดย้ำกับฝ่ายข้าราชการที่ดูแลโครงการนี้ เมื่อมีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้น ก็อยากให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลสร้างมาตรการบัญชีแบล๊กลิสต์กับผู้รับเหมาที่สร้างปัญหาขึ้นมาโดยเร็ว
น.ส.รักชนก ยังได้พาดพิงไปถึง นายกรัฐมนตรี (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) ที่เป็นต้นเหตุของการปัดตก พ.ร.บ.ถนนฯ เมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ยังเป็นพรรคก้าวไกล ได้เสนอเอาไว้ แต่เพราะนายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นในเรื่องของร่างกฎหมายการเงิน จึงไม่ได้มีการพิจารณาอะไรทั้งสิ้น
“สิ่งนี้จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่สำคัญในการสืบสวนสอบสวนเชิงวิศวกรรม เพราะว่าถ้าเราไม่ได้มีการมาคุยเรื่องโครงสร้างรากฐานว่ามันเกิดจากอะไร แล้วเราเอาไปออกกฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่เหล่านี้ไม่ให้เกิดในเคสถัดไป เดี๋ยวมันก็เกิดขึ้นอีก การสร้างถนนไม่ได้มีแค่ถนนพระราม 2 แต่มีการสร้างกันทั่วประเทศ” ส.ส.สาว พรรคประชาชน ย้ำ
ด้าน นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ใน กทม. ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “เอ้ สุชัชวีร์” ในวันเดียวกัน (15) ถึงกรณีดังกล่าว ว่า ตนรู้สึกเสียใจจนถึงระดับคับแค้นใจ เพราะในฐานะวิศวกรโยธาคนหนึ่ง เป็นอดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) ที่เห็นความวิบัติมานับครั้งไม่ถ้วน และเห็นคนเจ็บ คนตายมานับไม่ถ้วนเช่นกัน แต่เหตุสลดก็ยังเกิดขึ้น ซ้ำซาก ในสังคมไทย
นายสุชัชวีร์ ย้ำว่า ตนได้เตือนแล้วและแนะนำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเช่นกัน ทุกอย่างยังคงแย่เหมือนเดิม เพราะเราลืมง่าย ทั้งผู้รับผิดชอบ หรือเจ้าของโครงการ ไม่จริงใจ ไม่ถอดบทเรียนเพื่อหาสาเหตุ นำไปสู่การ เอาผิด กับผู้กระทำผิด รอเรื่องเงียบ แล้วก็ปล่อยผ่าน คนทำผิดเขาก็รู้แกว ไม่ต้องใส่ใจ ไม่สนใจ จริงไหม
ทั้งนี้ เขาได้ระบุถึงสาเหตุการถล่มของการก่อสร้าง ที่ผู้เรียนวิศวกรโยธาทุกคน ต้องถอดบทเรียน 4 ข้อ เพื่อหาสาเหตุ เริ่มจาก…
1.ปัญหา “การออกแบบ” ไม่ได้มาตรฐาน วิศวกร หรือผู้ออกแบบ คำนวณผิด ทำให้การออกแบบต่ำกว่ามาตรฐาน เมื่อทำการก่อสร้าง หรือเมื่อใช้งาน จึงไม่สามารถรับน้ำหนักได้ โครงสร้างจึงถล่ม กรณีนี้ ตรวจสอบได้จากรายการคำนวณก็บอกได้ว่า ผู้ออกแบบ ออกแบบผิดมาตรฐาน ต้องรับผิดชอบ
2.ปัญหา “การก่อสร้าง” ไม่ได้มาตรฐานผู้รับเหมาและผู้ควบคุมงาน ไม่ทำตามแบบก่อสร้าง หรือไม่ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง โครงสร้างจึงถล่ม เพราะลดมาตรฐานการก่อสร้าง กรณีนี้ ตรวจสอบด้วยการเก็บตัวอย่างเหล็ก ปูน มาทดสอบ ก็รู้ทันทีว่าทำผิด ผู้รับเหมาและผู้คุมงานต้องรับผิดชอบ
3.ปัญหา “การใช้งาน” ไม่ถูกต้อง เมื่อออกแบบและก่อสร้าง ถูกต้องตามมาตรฐาน แต่เจ้าของหรือผู้ใช้งาน ใช้งานผิดประเภท เช่น ออกแบบมาเป็นบ้านพักอาศัย แต่กลับแอบใช้เป็นโกดังเก็บของ น้ำหนักบรรทุกเกิน ก็พัง กรณีนี้ เจ้าของ หรือผู้ใช้งาน ก็ต้องรับผิดชอบ
และ 4.ปัญหา “ภัยพิบัติ” จากธรรมชาติ หากออกแบบ ก่อสร้าง และใช้งานถูกต้อง แต่เกิดภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว หรือพายุรุนแรง เกินกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมาย กรณีนี้ คงถือเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ย้ำว่าต้องเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ถึงจะอ้างข้อนี้ได้ เพราะมีหลายกรณี ที่จะเบี่ยงเบนประเด็น อ้างว่าสุดวิสัย ทั้งๆ ที่ ทำผิดข้อ 1-3 ที่เรามักเห็นๆ กันอยู่ จริงหรือไม่
นายสุชัชวีร์ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ที่ผ่านมา ตนและแนวร่วมภาควิชาการและภาคประชาชน ได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการเสนอกฎหมายเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ฉบับประชาชน ที่ต้องรอพี่น้องประชาชนมาลงชื่อให้เกิน 10,000 ชื่อ โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ การมีเจ้าภาพในการรับเรื่องร้องเรียน ติดตามการแก้ปัญหา ถอดบทเรียน นำไปสู่การหาผู้รับผิดชอบและเยียวยาผู้ประสบภัย ให้ได้รับความเป็นธรรม และยังจะทำหน้าที่ตรวจสอบสาเหตุอุบัติภัยแทนหน่วยงานเจ้าของโครงการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
ตั้งแต่…เหตุการณ์โรงงานระเบิด รถบัสไฟไหม้ สะพานถล่ม กลับเงียบไป ไม่มีใครมาลงชื่อ ทำให้ความตั้งใจดีๆ นี้ ไม่ไปถึงไหนสักที ดังนั้น จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมลงชื่อ เสนอ พ.ร.บ.ความปลอดภัยสาธารณะที่ thaipublicsafety.org เพื่อมีเจ้าภาพดูแล สังคมไทยปลอดภัย อย่ารอให้คนเจ็บ คนตาย มากกว่านี้อีกเลย.