คลังย้ำ! ‘ร้านค้าเล็ก’ รับหมดรอบแรกเงินดิจิทัล 5 แสนล.  

“ปลัดคลัง” ยืนยันเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาทโครงการแจกเงินดิจิทัลจะไหลลงสู่กระเป๋าของร้านค้าขนาดเล็กในรอบแรกทั้งหมด ย้ำ! ไม่เก็บภาษีร้านค้าเล็กแน่นอน วอนร้านค้าเล็กและประชาชนอย่าทุจริตแลกเงิน เผย! ดึง สตช.มาดูแล หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดีทันที อ้างการหมุนเงินรอบแรกมีผลต่อตัวทวีคูณทางการเงินที่รัฐบาลคาดหวัง มั่นใจโครงการฯขัด พ.ร.บ.เงินตราเหตุมีเงินก้อนใหญ่คอยซัพพอร์ต ส่วนแหล่งเงินจาก ธ.ก.ส. ยังมีคิวใช้จ่าย  

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึง โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่า รัฐบาลจะเน้นให้ประชาชนผู้รับสิทธิ์ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อให้เกิดการลงทุนใหม่ โดยกระทรวงพาณิชย์กำลังทำการบ้านอยู่ว่ามีสินค้าใดที่เข้าข่ายและไม่เข้าข่ายในการซื้อสินค้าของประชาชน โดยภาพรวมของโครงการฯ แบ่งเป็น 4 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย…

1.แหล่งเงิน ซึ่ง กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง กำลังดำเนินการอยู่ 2.ร้านค้า ทางกระทรวงพาณิชย์ จะกำกับดูแล ร้านค้าใดเข้าเกณฑ์ไม่เข้าเกณฑ์ ร้านค้าใดเข้าข่ายอยู่ในรอบที่ 1 และรอบ 2 รวมถึงขั้นตอนร้านค้ารอบที่ 2 ขึ้นเงินกับรัฐบาล 3.ระบบ  ทา งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นแม่งานดูแลระบบที่จะใช้เป็นแม่งานกำลังพัฒนาอยู่ และ 4.การตรวจสอบการทุจริตการโกงต่างๆ ทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเข้ามาดูตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์ มีกฎหมายรองรับในการร้องทุกข์กล่าวโทษและดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดในโครงการแจกเงินดิจิทัลได้ จึงมีการรับมือกับผู้กระทำความผิดที่รวดเร็ว นำเบาะแสไปต่อยอดการจับกุมดำเนินคดี

“ตอนนี้ทุกหน่วยงานกำลังเอาการบ้านกลับไปทำตามมติคณะรัฐมนตรี และมีกำหนดเงื่อนเวลาเดียวกันว่าจะเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนในช่วงไตรมาส 3 และเปิดให้ประชาชนใช้งานในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนแหล่งเงินชัดเจนแล้วว่าใช้จากแหล่งเงินไหน ซึ่งรัฐบาลจะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว และระบบจะต้องมีความฉลาดรับมือผู้กระทำผิด ไม่ให้ผู้ซื้อและผู้ขายกระทำความผิด เช่น ขายของไปแล้วยอดดีมากเกินกว่าสต๊อกสินค้าที่มีในมือ ระบบจะมองเห็น รัฐบาลก็ระวังเรื่องการเอาเงินไปแลกเงินสด 1 หมื่นไปแลกเงินสดแค่ 6 พันบาท จึงเป็นเหตุผลของการล็อคไม่ให้ร้านค้าขนาดเล็กขึ้นเงินได้ทันที ต้องไปซื้อสินค้าต่ออีกทอดหนึ่ง โดยร้านค้ารอบที่ 2 ภายใต้ระบบภาษี จึงจะขึ้นเงินได้ อีกทั้งการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ กระทรวงพาณิชย์ก็จะไปสร้างกลไกขึ้นมาดูแลเรื่องนี้”

ส่วนประเด็นการล็อคการขึ้นเงินในร้านค้าขนาดเล็กในระดับอำเภอ ในรอบที่ 1 นั้น ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สามารถวัดตัวทวีคูณทางการเงินได้ชัดเจน เพราะเงิน 5 แสนล้านบาทจะกระจุกตัวในร้านค้าขนาดเล็กตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ แต่ในร้านค้ารอบที่ 2 ยังไม่ทราบตัวทวีคูณทางการเงินที่แน่นอน เพราะยังหารือเรื่องต่างๆ ไม่จบ อย่างไรก็ตาม ห้ามร้านค้าขนาดเล็กกระทำความผิดในการแลกเงินสดอย่างเด็ดขาด เพราะจะส่งผลต่อตัวทวีคูณทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งจะต้องออกแบบระบบให้ปิดระบบไม่ให้ทุจริตได้ง่าย

สำหรับ ร้านค้ารอบที่ 2 เป็นเรื่องของการซื้อขายกันระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ซึ่งจะเป็นร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดกลางก็ได้ ร้านค้าขนาดใหญ่ก็ได้ อยู่ในอำเภอเดียวกันก็ได้ จะข้ามเขตไปก็ได้ รอบนี้จึงมีสิทธิ์ขึ้นเงินสดกับรัฐบาลได้ ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องอยู่ในระบบภาษี แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือขายของในนามบุคคลร้านเล็ก เสียภาษีบุคคลธรรมดา ตามมาตรา 40(8) อาชีพค้าขาย ส่วนคนที่ค้าขายร้านขนาดใหญ่ในนามนิติบุคคล แต่ไม่ถึงขนาดจะไปจดภาษีมูลค่าเพิ่มก็ขึ้นเงินสดได้ เพราะรัฐบาลมองถึงระบบภาษีที่เปิดกว้าง

ดังนั้น รัฐบาลจึงเก็บภาษีได้ในช่วงร้านค้ารอบที่ 2 ส่วนร้านค้าเล็กรอบแรกจะไม่มีภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เน้นสร้างการกระจายตัวทางเศรษฐกิจ ร้านค้ารอบแรกจึงควรเข้ามาในระบบ ค้าขายได้ก็เก็บเงินไว้แล้วไปซื้อของต่อ ไปซื้อร้านค้าใดก็ได้ที่เข้าโครงการดิจิทัลวอลเลต

ด้านคำนิยาม “ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่อยู่ในระบบภาษี” ขณะนี้ที่รัฐบาลมองคือ เพดานต้องไม่ใหญ่กว่าร้านสะดวกซื้อ เพราะถ้าใหญ่กว่าจะถูกมองเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้ ทางรัฐบาลยังหารือไม่จบ

ทางด้าน การใช้เงิน ธ.ก.ส.ก็ยังไม่ถึงเวลาทำ ต้องรอส่งให้กฤษฎีกาตีความช่วงเดือน ต.ค.นี้ มาตรา 28 ของงบประมาณปี 2568 จะรีบนำเรื่องไปหารือก็ไม่ได้ เพราะยอดงบยังไม่มา จะรู้คือ 1 ต.ค.2567 เมื่อถึงเวลาจึงจะสามารถตั้งโครงการฯ ได้ ผ่านบอร์ด ธ.ก.ส.และนำเข้าที่ประชุม ครม.สรุปคือ จะให้เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ไม่ได้ต้องรอเวลา

ส่วนเรื่องที่มีคนมองว่า “ใช้เงินดิจิทัลหรือใช้โทเคน” นั้น ตนเคยตอบไปแล้ว ว่าไม่ได้ใช้เงินดิจิทัลหรือโทเคนแต่อย่างใด จึงไม่ได้ขัดต่อ พ.ร.บ.เงินตรา ซึ่งขณะวันที่ทำโครงการฯ รัฐบาลต้องมีเงินสด 5 แสนล้านบาทในมือมา Backup ทันทีในวันแรกของการแจกเงินสำหรับประชาชน จึงเป็นที่มาที่รัฐบาลรีบหาแหล่งเงินและเคลียร์ให้จบก่อนเปิดตัวโครงการในขณะนี้.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password