เอกชนหนุนรัฐ – ออก Junk Bond 1.2 หมื่นล. แก้วิกฤตประกันภัย
![](https://yutthasartonline.com/wp-content/uploads/2024/01/00000-ปกรวม-HOME-คปภ.-JUNK-1.jpg)
“คลัง” เห็นพ้องออก Junk Bond มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท เติมเงินให้ “กองทุนประกันวินาศภัย” แก้ไขปัญหาค้างจ่ายเงินสินไหมทดแทน จากวิกฤต 4+1 บริษัทประกันวินาศภัยปิดตัวและหยุดกิจการชั่วคราว หลังรัฐบาลห่วงมากหากต้องใช้หนี้แทนบริษัทประกันภัยกว่า 6 หมื่นล้านบาท ด้าน “เลขาธิการ คปภ.” เผย! นาทีนี้ยังไม่สั่งปิดกิจการและยึดไลเซน์ของ บมจ.สินมั่นคง ย้ำ! ยังมีสิทธิแก้ตัว หาทุนใหม่เดินหน้าต่อ แต่ต้องทำถูกกฎหมาย ยอมรับ! ถอดบทเรียนวิกฤติโควิด-19 รับมือโรคอุบัติในอนาคตตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีแล้ว
![](https://yutthasartonline.com/wp-content/uploads/2023/12/จุลพันธ์-อมรวิวัฒน์-1.jpg)
แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เชิญ ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยการนำของ นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. มาหารือถึงแนวแนวทางแก้ไขปัญหาของธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะ ธุรกิจประกันวินาศภัยที่ได้ปิดตัวไปแล้ว 4 บริษัท (บมจ. อาคเนย์ประกันภัย บมจ.ไทยประกันภัย บมจ. เดอะวัน ประกันภัย และ บมจ. เอเชียประกันภัย 1950) และอีก 1 บริษัท คือ บมจ.สินมั่งคงประกันภัย ซึ่งอยู่ระหว่างการถูกสั่งให้ต้องหยุดดำเนินกิจการ (หยุดรับประกันวินาศภัย) เป็นการชั่วคราว ตามมาตร 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 เนื่องเพราะปัญหาต่อเนื่องจากการปิดตัวของบริษัทประกันวินาศภัยข้างต้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นับแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ทั้งการดำเนินการทั่วไปและการออกกรมธรรม์ประกันภัยโควิดฯ “เจอ จ่าย จบ” ก่อนหน้านี้ กระทั่ง ตกเป็นภาระของกองทุนประกันวินาศภัย ที่มีภาระค้างจ่ายเงินสินไหมทดแทนจากผู้เอาประกันรวมกันกว่า 7 แสนราย คิดเป็นวงเงินรวมกันกว่า 60,000 ล้านบาท
“นายจุลพันธ์ได้เชิญให้เลขาธิการ คปภ.และคณะ มาร่วมหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของบริษัทประกันภัย (ประกันวินาศภัย) โดยเฉพาะประเด็นปัญหาของเงินค่าสินไหมทดแทนที่กองทุนประกันวินาศภัยจะต้องเข้ามารับผิดชอบแทนบริษัทประกันภัยที่ปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ซึ่ง 1 ในเงื่อนไขและข้อเสนอจากสำนักงาน คปภ.ในการแก้ปัญหาการค้างจ่ายเงินสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันทั้งหมดกว่า 60,000 ล้านบาทนั้น คือ การเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาออกตราสารหนี้อัตราผลตอบแทนสูง (Junk Bond) จำหน่ายให้กับภาคธุรกิจประกันภัย โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้บริหารจัดการและกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจให้กับภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้แก้ไขปัญหาหนี้สินในเบื้องต้นให้กับกองทุนประกันวินาศภัย คาดว่าวงเงินของ Junk Bond ในช่วงแรก น่าจะอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท” แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวและว่า…
ก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงแนวคิดในการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2567 จำนวน 3,500 ล้านบาท เพื่อให้ กองทุนประกันวินาศภัย ได้นำมาใช้การดำเนินงาน ซึ่งหากได้เงินจากการออก Junk Bond มาร่วมสมทบแล้ว ความวิตกกังวลใจของรัฐบาลว่าจะต้องชำระเงินค่าสินไหมทดแทนฯให้กับผู้เอาประกันรวมกันยาวนานถึง 60 ปี ก็จะไม่เกิดขึ้น
![](https://yutthasartonline.com/wp-content/uploads/2024/01/เลขา-คปภ.-1-1.jpg)
ด้าน นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. กล่าวถึงปัญหาของภาพรวมธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะกรณี บมจ.สินมั่นคง นั้น ตนขอยืนยันว่า การประชุมบอร์ด คปภ. เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องการออกคำสั่งฉุกเฉินตามมาตรา 52 เพื่อให้ บมจ.สินมั่งคงประกันภัย หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ดังที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องที่จะปิดกิจการและเรียกคืนไลเซนส์ (เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ) ตามมาตรา 59 นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนดังกล่าว ซึ่ง เจ้าของ และ/หรือ ผู้บริหารระดับสูงของ บมจ.สินมั่งคงประกันภัย ยังมีเวลาและโอกาสที่จะหาพันธมิตรรายใหม่หรือวิธีการใดๆ ก็ได้ที่ถูกกฎหมาย เพื่อหาเงินมาเติมทุนให้มีความมั่นคงในการดำเนินงานในอนาคตต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากบทเรียนของวิกฤตโควิดฯ ในช่วงที่ผ่านมา ทาง สำนักงาน คปภ. ได้ถอดบทเรียนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนรับมือกับโรคอุบัติใหม่ในอนาคตไว้อย่างไร เลขาธิการ คปภ. ยอมรับว่า โอกาสที่โลกจะประสบปัญหาจากโรคอุบัติใหม่ โดยเฉพาะโรคระบายร้ายแรงเหมือนเช่นที่เกิดโรคโควิดฯนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ และก็อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (2567 – 2569) ของสำนักงาน คปภ.ที่จะนำบทเรียนของโรคไวรัสโควิดฯ มาใช้บริหารความเสี่ยงและวางแผนรับมือกับโรคอุบัติใหม่ในอนาคต ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการออกกรมธรรม์ดังกล่าวแก่ประชาชนยังคงจะต้องมีอยู่ เพียงแต่การบริหารจัดการและการกำกับดูแลอาจต้องพิจารณาอย่างเข้มข้นมากขึ้น แต่ก็ต้องไม่ทำให้ธุรกิจประกันภัยมีความเสี่ยงหรือดำเนินงานได้ยากจนเกินไปนัก
![](https://yutthasartonline.com/wp-content/uploads/2024/01/คปภ.ห้ามยกเลิกโควิดฯ-1.jpg)
“ยอมรับว่าแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงที่เราใช้อาจยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนั้น เนื่องจากเป็นโรคร้ายแรงเกิดใหม่ที่ทั่วโลกเพิ่งจะรู้จัก และมีหลายสายพันธุ์ อีกทั้งเชื้อไวรัสยังมีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ได้เรียนรู้ถึงแนวทางและวิธีในการบริหารจัดการ หากจะเกิดโรคอุบัติใหม่ในอนาคต ซึ่งตอนนี้ เรามีผู้บริหารระดับสูงที่มีความเชี่ยวชาญในการพิจารณาและกำกับดูแลในการออกกรมธรรม์รองรับโรคอุบัติใหม่แล้ว และในอนาคตอาจต้องมาดูกันว่า ควรจะมีการจำกัดความรับผิด หรือมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการในการ “อันเดอร์ไรท์” (การรับประกันภัย) ได้หรือไม่ เพื่อให้บริษัทประกันภัยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ขณะที่ประชาชนยังคงมีระบบประกันภัยในห้วงเวลาการเกิดโรคอุบัตใหม่ (โรคระบาดร้ายแรง)” เลขาธิการ คปภ. ย้ำ.