ปธ.ศาลฎีกาชื่นชมแผนอำนวยความยุติธรรม เคียงบ้างคนไทยอย่างสมเกียรติ
ประธานศาลฎีกา ตรวจเยี่ยมมอบนโยบาย – รับฟังรายงานผลดำเนินการบริหารจัดการคดีศาลยุติธรรมภาค 2 ช่วง 8-9 มิ.ย. ชื่นชมความพร้อมในการอำนวยความยุติธรรม เน้นย้ำสังคมสะท้อนการทำงานของศาลยุติธรรมมากขึ้น ให้นำเสียงวิจารณ์เป็นแรงผลักดันสร้างผลงานให้ประจักษ์ มุ่งศาลยุติธรรมเคียงข้างประชาชนได้สมเกียรติ
นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้พิพากษาสมทบ และผู้ประนีประนอม ในพื้นที่ศาลยุติธรรมภาค 2 รวม 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดตราด จันทบุรี และระยอง เมื่อระหว่างวันที่ 8 – 9 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา
โดยการ ตรวจเยี่ยมศาลวันแรก (8 มิถุนายน ) ประธานศาลฎีกา พร้อมด้วยคณะ และนายสุพัฒน์ พงษ์ทัดศิริกุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ร่วมตรวจเยี่ยม ศาลจังหวัดตราด ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตราด ศาลจังหวัดจันทบุรี และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดจันทบุรี โดยมี นายบัณฑิต ธรรมแสง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตราด, นายเอกรินทร์ หนุนภักดี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตราด, นายธวัช สถิรเศรษฐ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดจันทบุรี, นายวิศรุต สิทธิสุข ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดจันทบุรี พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ
สำหรับการ ตรวจเยี่ยมศาลวันที่สอง (9 มิถุนายน ) ประธานศาลฎีกา พร้อมคณะ เข้าตรวจเยี่ยม ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ศาลจังหวัดระยอง ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระยอง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 และศาลแขวงระยอง ซึ่ง นายวินัย เรืองศรี ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 2, นายปัญญา ด่านพัฒนามงคล อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 2, นางตุลยา พันธุ์ขะวงศ์ ด่านพัฒนามงคล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดระยอง, นางสาวพิชชาภา สาครมณีรัตน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระยอง, นายอดุลย์ อุดมผล อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2, นายกฤษฎา พณิชยกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงระยอง พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ
โดย ประธานศาลฎีกา ได้ประชุมมอบนโยบายแก่ คณะผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ประนีประนอม ตลอดจนผู้พิพากษาสมทบ พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามนโยบายประธานศาลฎีกา แนวทางการปรับปรุงพัฒนาของศาล และได้ทักทายพูดคุยรับฟังปัญหาข้อขัดข้อง รวมถึงให้กำลังใจขอให้ทุกคนมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการ ตรวจเยี่ยมศาลวันแรก ประธานศาลฎีกา ย้ำถึงนโยบายรักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน ว่า มีวัตถุประสงค์หลักในการบูรณาการ การทำงานขององค์กรศาลยุติธรรม เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการทางความคิดและการทำงานให้สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชนและบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ศาลชั้นต้น ทั้งผู้พิพากษาและข้าราชการศาลยุติธรรม ซึ่งถือเป็นด่านหน้าที่ต้องพบปะและรับเรื่องราวจากประชาชนผู้มีอรรถคดีโดยตรง โดยผู้พิพากษามีหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม และบริหารจัดการคดีอย่างมีประสิทธิภาพ การที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น ต้องมีการวางแผนการทำงานที่ดีตั้งแต่ชั้นรับฟ้อง และร่วมกันทำงานเป็นทีมอย่างเป็นระบบ ประชุมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกันเพื่อวางระบบการทำงานและหาแนวทางแก้ไขปัญหา
ส่วน ข้าราชการศาลยุติธรรม มีหน้าที่ในการให้บริการแก่ประชาชนด้วยความรวดเร็วและใส่ใจ นอกจากนี้ ผู้พิพากษาสมทบและผู้ประนีประนอม ก็เป็นกำลังสำคัญของศาลยุติธรรมในการไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาท และการจัดกิจกรรมสาธารณกุศลต่าง ๆ เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ชาวจังหวัดตราด หากบุคลากรทุกภาคส่วนของศาลยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ก็จะนำมาซึ่งความเชื่อมั่นศรัทธาและเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ประธานศาลฎีกา ยังกล่าวถึงศาลจังหวัดจันทบุรี ว่า มีอำนาจพิจารณาทั้งคดีศาลจังหวัดและคดีศาลแขวง การจ่ายสำนวนคดีและการกำหนดวันนัดพิจารณาจึงควรจำแนกประเภทคดีเพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปโดยสะดวกรวดเร็วและตามกรอบระยะเวลาของพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 ซึ่งจะทำให้การทำงานของบุคลากรศาลยุติธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและผู้พิพากษาควรมีการประชุมปรึกษาหารือกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อวางแนวทางการปฏิบัติงานและการใช้ดุลพินิจในการพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย และมีมาตรฐานเดียวกัน
ทั้งนี้ ประธานศาลฎีกา ยังกล่าวชื่นชมศาลจังหวัดจันทบุรีที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของศาลจังหวัดในภาค 2 ในโครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชนประจำปี พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 1 ด้วยและเป็นกำลังใจให้มุ่งมั่นพัฒนาการทำงานเพื่อให้มีโอกาสได้รับรางวัลในโครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชนประจำปี พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 2 ที่จะประกาศผลในเดือนกันยายนต่อไป ในส่วนของศาลเยาวชนครอบครัวจังหวัดจันทบุรี ควรกำหนดเป้าหมายการทำงานให้ชัดเจน โดยเฉพาะการจัดทำโครงการสาธารณประโยชน์ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่และเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของศาล นอกจากนี้ประธานศาลฎีกายังเน้นย้ำว่า ปัจจุบันสังคมมีการตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศาลยุติธรรมมากขึ้น บุคลากรทุกคนจึงพึงตระหนักถึงภาระหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน โดยนำเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาเป็นแรงผลักดันสร้างความมุ่งมั่นในการทำงานและสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อให้ศาลยุติธรรมสามารถอยู่เคียงข้างประชาชนได้อย่างสมเกียรติ
สำหรับการ ตรวจเยี่ยมศาลยุติธรรมภาค 2 ในวันสุดท้าย ประธานศาลฎีกา กล่าวชื่นชม ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่สามารถพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างรวดเร็ว ทั้งมีอาคารที่ทำการที่มีความสวยงาม มีความพร้อมในการอำนวยความยุติธรรมและให้บริการประชาชน พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำให้ผู้พิพากษาซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เพิ่มความเข้มแข็งในการกลั่นกรองคุณภาพของคำพิพากษา และมีกำหนดระยะการทำงานในทุกขั้นตอนโดยละเอียดเพื่อให้สามารถยกร่างคำพิพากษาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ประธานศาลฎีกา ยังได้กล่าวแนะนำให้ผู้พิพากษาดูแลรักษาสุขภาพและหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออีกด้วย ในส่วนของศาลจังหวัดระยองเป็นศาลจังหวัดขนาดใหญ่ที่มีปริมาณคดีเข้าสู่ศาลเป็นจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นต้องอาศัยการบริหารจัดการคดีอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถพิจารณาพิพากษาคดีได้โดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย ดังนั้น ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลในฐานะผู้บริหารและผู้พิพากษา ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานจึงต้องร่วมกันประชุมปรึกษาหารือเพื่อรับฟังปัญหาและกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการบริหารจัดการคดีในทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ การไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาท การเปิดทำการศาลนอกเวลาราชการและในวันหยุดราชการยังเป็นกลไกสำคัญหนึ่งที่จะช่วยทำให้คดีสามารถเสร็จการพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว และฝากถึง ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระยอง ว่า นอกจากการพิจารณาพิพากษาคดีและการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นภารกิจหลักแล้ว ควรจัดโครงการให้ความรู้ทางกฎหมายในเชิงรุกและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาสังคมให้แก่ประชาชนในจังหวัดระยองควบคู่ไปด้วย
และในการ ตรวจเยี่ยมศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 และศาลแขวงระยอง ประธานศาลฎีกา กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนมีความตื่นตัวเรื่องสิทธิและเสรีภาพในด้านการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมมากยิ่งขึ้น ปริมาณคดีที่จะเข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบการทำงานและวางแผนการบริหารจัดการคดีให้รวดเร็วเพื่อรองรับต่อสถานการณ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ กลไกสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะทำให้การอำนวยความยุติธรรมเกิดผลสัมฤทธิ์ คือ การนำระบบไต่สวนมาใช้อย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งในชั้นตรวจพยานหลักฐานและชั้นพิจารณาพิพากษาคดี ซึ่งคณะทำงานจัดเก็บข้อมูลความจำเป็นในการจัดทำหลักสูตรใน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ ประธานศาลฎีกา แต่งตั้งขึ้นจะเดินทางไปพบกับ ผู้บริหาร ผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบตามภาคต่าง ๆ เพื่อวางแผนในการบริหารจัดการคดี ตลอดจนให้คำแนะนำในการนำระบบไต่สวนมาใช้ในการพิจารณาคดีอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ ศาลแขวงระยองเป็นศาลแขวงที่มีขนาดใหญ่ มีปริมาณคดีค้างมาและรับใหม่จำนวนมาก แต่มักจะเป็นคดีที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจึงควรวางแผนบริหารจัดการคดีให้เหมาะสมกับอัตรากำลังผู้พิพากษาเพื่อให้สามารถพิจารณาคดีให้แล้วเสร็จได้ตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย หากสามารถบริหารจัดการคดีได้เสร็จเร็วกว่ากำหนดย่อมเป็นผลดีแก่ประชาชนและศาลยุติธรรมโดยรวมและในส่วนของการสั่งคำคู่ความที่ยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) ซึ่งมีจำนวนมาก พึงวางแนวทางการพิจารณาสั่งเพื่อไม่ให้กระทบต่อการปฏิบัติงานคดีด้านอื่น ๆ โดยคำนึงถึงการดูแลสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานควบคู่กันไป.