เผย! ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯกว่า 2 ล้านคนใช้ผ่านร้านธงฟ้า ‘วันแรงงาน’ พุ่งกว่า 730 ลบ.
“โฆษกคลัง” แจงความคืบหน้าการใช้สิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เผย! ยอดการใช้สิทธิสะสม ณ วันแรงงานแห่งชาติปี 66 พุ่งกว่า 730 ล้านบาท จากผู้มีสิทธิ์กว่า 2.36 ล้านราย ระบุ! เกือบทั้งหมดใช้จ่ายผ่านร้านธงฟ้า
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (โครงการฯ) ผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ของผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 (ผู้มีสิทธิฯ) ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เวลา 13.00 น.พบว่า มีมูลค่าการใช้สิทธิสะสมจำนวนกว่า 732.81 ล้านบาท จากผู้มีสิทธิฯ จำนวนกว่า 2.36 ล้านราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สิทธิในวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) จำนวน 728.15 ล้านบาท วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 2.52 ล้านบาท และวงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 2.14 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ (ผู้ผ่านเกณฑ์) ตามโครงการฯ ที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้วโดยข้อมูล วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวนทั้งสิ้น 13,318,622 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 91.24 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) สำหรับ ผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ที่ดำเนินการยืนยันตัวตนสำเร็จระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 26 เมษายน 2566 จำนวน 721,208 ราย สามารถใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไปและจะได้รับสิทธิย้อนหลังของเดือนเมษายน 2566 (สิทธิย้อนหลังจะให้เฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้าฯ เท่านั้น)
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยังไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตน สามารถยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน ได้ตามวันเวลาที่หน่วยงานกำหนด จึงขอให้ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยังไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนรีบดำเนินการยืนยันตัวตนให้แล้วเสร็จเพื่อให้สามารถใช้สิทธิสวัสดิการตามโครงการฯ ทั้งนี้ รายละเอียดช่วงเวลาการยืนยันตัวตนและวันที่เริ่มใช้สิทธิตามที่กระทรวงการคลังกำหนด (ปรากฏตามตาราง)
ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนผู้ผ่านเกณฑ์จะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) และต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการหากภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต โดยผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จเนื่องจากการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ผ่าน ขอให้ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และหากตรวจสอบและแก้ไขสถานะบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ให้ดำเนินการยืนยันตัวตนอีกครั้ง สำหรับการยืนยันตัวตนไม่สำเร็จที่เกิดจากกรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน ขอให้ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จในกรณีดังกล่าวติดต่อธนาคารกรุงไทยฯ เพื่อดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของธนาคารกรุงไทยฯ ต่อไป
โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำอีกว่า สำหรับผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติที่ได้ดำเนินการอุทธรณ์ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นขออุทธรณ์ และได้ดำเนินการขอตรวจสอบและ/หรือขอปรับปรุงแก้ไขข้อมูลในกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้องให้ถูกต้องที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านเกณฑ์เรียบร้อยแล้ว ขอให้รอตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติสำหรับรอบอุทธรณ์ซึ่งกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบภายในเดือนมิถุนายน 2566 โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือhttps://welfare.mof.go.th
สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โทร. 09 4858 9794 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.), สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02 273 9020 ต่อ 3502 3503 3506 3536 3542 3518 หรือ โทร. 08 5842 7102 , 08 5842 7103, 08 5842 7104 ,08 5842 7105, 08 5842 7106, 08 5842 7107 08 5842 7109 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.), ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 02 109 2345 (เวลาทำการ 08.30 – 17.30 น.).