เกมน้ำมัน!!??

(กลยุทธ์หยุดไฟสงคราม! กับการตั้งคำถามของนานาชาติ…ที่ยังคงเป็นแค่ “โลกส่อล้อมไทย”)

แผนสกัดส่งออกน้ำมัน “ปิดกั้น” กองทัพกัมพูชา หัน “จรวด – ปืน” มาทำลายไทย อาจเป็น “ดาบสองคม” สะท้อนแรงกดดันจากโลกธุรกิจและการทูต กับกลยุทธหยุดยั้งไฟสงคราม! นำสู่การตั้งคำถาม ทั้งที่ “กองทัพไทย” ยืนยันชัด! ไม่ปิดอ่าวไทย ไม่ห้ามเรือน้ำมัน – ขนส่งสินค้าต่างชาติ ยกเว้น! เรือสัญชาติไทย กระนั้น นาทีนี้ โลกยังไม่ถึงขั้น “ล้อมไทย!”
การตัดสินใจของรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ “รักษาการนายกฯ” นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับการยกระดับมาตรการสกัดการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและยุทธปัจจัย ไปยังกัมพูชา
สิ่งนี้…ไม่ได้เป็นเพียง ปฏิบัติการด้านความมั่นคงธรรมดา หากแต่เป็นการ “ขยับ” หมากสำคัญ บนกระดานภูมิรัฐศาสตร์ ที่มีทั้ง ต้นทุน, ผลสะท้อน และแรงตีกลับ…ซ่อนอยู่ในทุกมิติ
ในเชิง ยุทธศาสตร์ทางทหาร? “น้ำมัน” ไม่ใช่สินค้าเศรษฐกิจทั่วไป แต่มันคือ “เส้นเลือดใหญ่” ของกองทัพ ที่ใช้กับ…ยานพาหนะ, ปืนใหญ่, การลำเลียงกำลัง และขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบ ฯลฯ
การตัดเส้นทางน้ำมัน จึงเท่ากับ “ลด” ศักยภาพของ “คู่ขัดแย้ง” โดยไม่ต้อง “เพิ่ม…แนวรบใหม่”
นั่นคือ เหตุผลที่ กองทัพไทย โดยเฉพาะ กองทัพบก และกองทัพเรือ เสนอให้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มี นายอนุทิน นั่งหัวโต๊ะประชุมฯ ช่วงเช้าวันนี้ (16 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้พิจารณามาตรการ “จำกัดเฉพาะจุด” ทั้งทางบกและทางทะเล!!!
พร้อมย้ำหนักแน่นว่า…ไม่ใช่การ “ปิดอ่าวไทย” หรือ “ปิดน่านน้ำ” แต่อย่างใด? และมาตรการนี้ ใช้เฉพาะกับเรือสัญชาติไทยเท่านั้น โดยจะไม่มีผลกระทบกับเรือของต่างชาติแต่อย่างใด?
“ขอยืนยันว่า…ไม่ได้ปิดน่านน้ำตามที่เป็นข่าวมาก่อนนี้ เพียงแต่ทําให้เกิดความปลอดภัย และทำให้การปฏิบัติการมีประสิทธิภาพมากที่สุด”
ข้างต้น คือคำยืนยันจาก…พล.ร.อ.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะ เลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ก่อนเข้าประชุม สมช.
อย่างไรก็ตาม ในโลกยุคปัจจุบัน สิ่งที่รัฐบาลไทยตั้งใจทำ กับสิ่งที่โลกภายนอกรับรู้ อาจไม่ใช่เรื่องเดียวกันเสมอไป???
คำว่า “สกัด”, “ระงับ”, “พื้นที่เสี่ยงสูง” แม้ถูกใช้ด้วยเจตนาทางทหาร แต่เมื่อหลุดออกไปในพื้นที่ข่าวและโซเชียลมีเดีย
ภาพจำ! กลับขยายตัวเร็วกว่า…แถลงการณ์แก้ข่าวหลายเท่า นี่คือ…จุดที่ “เกมน้ำมัน” เริ่มเปลี่ยนจาก…เกมความมั่นคง ไปสู่…เกมการรับรู้ของโลก
สัญญาณเตือนที่ชัดเจนที่สุด! ปรากฏผ่าน “จดหมายเปิดผนึก”ของ นายเคซีย์ บาร์เน็ตต์ ประธานหอการค้าอเมริกัน (AmCham) ในกัมพูชา ที่ส่งตรงถึง…สถานทูตสหรัฐฯ เพื่อแสดงความกังวลต่อท่าทีของ…กองทัพไทย
จดหมายฉบับนี้ ไม่ได้กล่าวหาว่า…ไทยผิด! แต่ชี้ให้เห็นถึง…ผลกระทบเชิงลูกโซ่ที่อาจเกิดขึ้น!!?? ตั้งแต่…ค่าประกันภัยเรือ, ค่าขนส่ง, การค้า ไปจนถึง…ชีวิตความเป็นอยู่ของพลเรือน และนักลงทุนอเมริกันหลายพันครอบครัวในกัมพูชา
สาระสำคัญของจดหมาย…ไม่ได้อยู่ที่ “คำตำหนิ!” แต่อยู่ที่การ “ดึงโลกเข้ามาเป็นผู้มีส่วนได้เสีย” โดยอัตโนมัติ
เมื่อใดก็ตาม ที่ความขัดแย้งด้านความมั่นคง กระทบ…เส้นทางการค้า เมื่อนั้น โลกธุรกิจ และ “รัฐบาลมหาอำนาจ” จะไม่ยืนดูอยู่ข้างสนามอีกต่อไป!!!
นี่เองคือเหตุผลที่คำว่า “โลกส่อล้อมไทย” เริ่มถูกหยิบยกขึ้นมาในเวทีการเมืองภายใน โดยเฉพาะจาก…แกนนำฝ่ายค้าน อย่าง…นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน
แม้ในทางข้อเท็จจริง! โลกยังไม่ได้ออกมาตรการกดดันไทยอย่างเป็นทางการ และไม่มีประเทศใด? ประกาศยืนข้างกัมพูชาอย่างชัดแจ้ง
แต่ในเชิงแนวโน้ม? พื้นที่ทางการทูตของไทย…กำลังแคบลงจริง ๆ ล้วนเกิดขึ้นจาก “แรงกดดันทางอ้อม” ที่มาในรูปของเศรษฐกิจ การค้า และภาพลักษณ์ ในสายตาของนานาชาติ
สำหรับ รัฐบาลไทย และนายกฯอนุทิน เกมนี้…จึงไม่ใช่ “เกมแพ้หรือชนะ” ในสนามเดียว หากแต่เป็น…เกมหลายกระดานที่ต้องเล่นพร้อมกัน
ด้านหนึ่ง คือ การรักษาอธิปไตยและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ
อีกด้านหนึ่ง คือ การไม่เปิดช่องให้ประเทศถูกมองว่าเป็น “ต้นเหตุ” ของความ “ปั่นป่วน!” ในระบบการค้าและการเดินเรือเสรี
โอกาสของรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ นายกฯอนุทิน ยังคงมีอยู่ และพร้อมจะเปิดกว้าง หากรู้จักปรับเปลี่ยน “เกมน้ำมัน” จากเครื่องมือทางทหาร ให้กลายเป็น…เครื่องมือทางการทูตเชิงรุก!
รัฐบาลไทย สามารถจะสื่อสารในเชิงการตอกย้ำต่อ “ประชาคมโลก” ได้อย่างชัดเจน, ตรงไปตรงมา และยังคงความน่าเชื่อถือ ในทำนอง…มาตรการทั้งหมด มีเป้าหมายเฉพาะใน “การสกัดกั้น” ในทางยุทธปัจจัย ไม่ได้มุ่งทำให้พลเรือนขาดแคลน
ยืนยัน…ฝ่ายไทยไม่ได้ปิดกั้นการค้า และไม่ได้ละเมิดหลักเสรีภาพการเดินเรือ!!!
พร้อมกันนั้น รัฐบาลไทยควรเสนอ…กรอบการเจรจาที่มีเงื่อนไขชัดเจน! เพื่อแสดงให้เห็นว่า…การกดดันเชิงยุทธศาสตร์…เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่ง ไม่ใช่…จุดจบ! ของกระบวนการต่อสู้ในทางการทหาร
ข้อเสนอเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด! ต่อรัฐบาลและนายกฯอนุทิน ก็คือ…การ “คุมคำ คุมจังหวะ และคุมเรื่องเล่า” ให้ได้พร้อมกัน???
การปล่อยให้กองทัพ อธิบายเพียงฝ่ายเดียว? อาจไม่เพียงพออีกต่อไป…ในยุคที่โลกเชื่อข้อมูลจากหลายแหล่ง
ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นจะต้องเข้าไปมี “บทบาทนำ” ในการสื่อสารเชิงนโยบาย แยกให้ชัด!
ระหว่าง…ความมั่นคง กับมนุษยธรรม
และระหว่าง…การตัดเส้นเลือดทางทหาร กับการคงไว้ซึ่งชีวิตความเป็นอยู่ของพลเรือน
หากทำได้ “เกมน้ำมัน” ที่ฝ่ายไทย…ประกาศใช้เป็นยุทธศาสตร์ “ดับไฟสงคราม”! จะไม่กลายเป็น “ชนวน” ให้ประชาคมโลก ได้ตั้งแง่กับฝ่ายไทย
แต่จะกลายเป็น “บทพิสูจน์” ที่ว่า…ประเทศไทยสามารถใช้ “พลังความมั่นคง” ควบคู่กับ “ปัญญาทางการทูต” ได้อย่างสมดุล
ในทางกลับกัน! หากปล่อยให้ภาพ “ปิด – ล้อม – สกัด” นำหน้าการสื่อสารในแนว “เจรจา, อธิบาย และคลี่คลาย” ต่อไป
คำว่า “โลกส่อล้อมไทย” อาจไม่ใช่เพียง…ธีมข่าว อีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “ความจริง” ทางการเมือง! ที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ง่าย ๆ
ในสมรภูมิยุคใหม่ การได้รับ “ชัยชนะ” ไม่ใช่แค่การ “คุมพื้นที่” แต่คือ…การคุมความเข้าใจของโลก!!!
และนี่คือ “โจทย์ใหญ่” ที่..รัฐบาลอนุทิน จะรีบชี้แจงและต้องตอบให้ได้ ก่อนที่…แรงกดดันจากภายนอก จะไหลมา “ทับซ้อน” กับภาพความขัดแย้งภายใน?
จนทำให้…“เกมน้ำมัน” ที่ตั้งใจจะใช้ “กดดัน” ฝ่ายตรงข้าม! ย้อนกลับมากดดันและล้อมประเทศไทย เสียเอง!!!.






