สนใจ…ไม่ใช่ขู่!

(หวั่นเสียไทยให้จีน? ข้อมูลในมือมีน้อย อาจเป็นแค่ข้ออ้าง ของวลี “สหรัฐฯแค่สนใจ หาได้ขู่ไทยแต่อย่างใด!”)

บนความตึงเครียด “ไทย–กัมพูชา” เช็คสัญญาณจากสหรัฐฯ พบว่า ท่าทียังไม่ถึงขั้น “กดดัน” รัฐบาลไทย กับข้ออ้างของ “วอชิงตัน” ที่รอเก็บข้อมูลให้ครบกว่านี้ ด้านรัฐบาลไทย เร่งเดินเกมรุก! ทั้งการทูตและตามแผนยุทธการต่อเนื่อง มิต่างจากการ “บีบ” ให้สหรัฐฯ ทำได้เพียง “เฝ้าดู” มากกว่า “สั่งให้หยุดยิง!”
ท่าทีชิลๆ ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย ที่โดนสื่อ “ตาดี” แอบส่องเห็น…ภาพแชตสนทนา ขณะกำลังการใช้โทรศัพท์ ระหว่างเข้าร่วมประชุมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ วาระ 2 วานนี้ (10 ธ.ค.2568)
ทำให้หลายฝ่ายที่เชื่อก่อนหน้านี้ว่า…ฝ่ายไทยจะยังไม่คุยกับทุกฝ่าย กรณีเหตุปะทะบริเวณชายแดนกับ ทหารกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนกว่า…จะยุติความเป็น “ภัยคุกคาม” ของฝ่ายกัมพูชาต่อไทย เสียก่อน
สิ่งนี้…จะไม่ถูกแรงกดดันจาก “มหาอำนาจ” สหรัฐอเมริกา “บีบ!” ให้ฝ่ายไทย…ต้องหยุดยิง? และหันไปเจรจากับกัมพูชา เหมือนครั้งก่อน
“ขณะนี้ ผมยังไม่ได้รับการประสานจากสหรัฐฯ ปกติเวลาการหารือทางโทรศัพท์ “ผู้นำ” จะต้องมีการนัดหมายกันก่อน และมีช่องทางของมันอยู่…” คำพูดจากปากของ นายกฯอนุทิน และจะย้ำว่า…
“ระดับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โทรมาเราต้องรับสาย และพูดคุย พร้อมอธิบายให้เข้าใจ เพราะเขาคงไม่ทราบสถานการณ์ได้ดีกว่าตน จึงต้องอธิบายให้ฟัง…”
ส่วนกรณี ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะขอให้ฝ่ายไทยหยุดยิงหรือไม่? นายกฯอนุทิน ตอบคำถามนี้ว่า…
“เรื่องนี้…เป็นเรื่องระหว่าง คู่กรณี 2 ประเทศ และความปรารถนาดีของผู้นำประเทศอื่น ที่ต้องการให้เกิดสันติภาพ แต่เราต้องอธิบายว่ามีปัญหาอย่างไร ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ และการนัดหมายกันในระดับผู้นำ ไม่ใช่อยากจะกดโทรก็โทรได้เลย ต้องมีการนัดหมายมีประเด็นที่จะคุยกัน ซึ่งเรายังมีเวลาที่จะเตรียมประเด็นต่างๆ หากการพูดคุยจะเกิดขึ้นจะต้องเชิญ รมว.ต่างประเทศ และผู้บัญชาการทหารสูงสุด รมว.กลาโหม ต้องทำทุกอย่างตรงไปตรงมา”
จากข้อเท็จจริงข้างต้น มันก็ชัดเจนว่า… เรื่องนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ และ ปธน.ทรัมป์ จะวางมือ…ภารกิจสานต่องานเก่า ๆ ที่ฝ่ายกัมพูชา ได้ทำลายเครดิต! ความเป็น “คนกลาง” จนพังยับเยิน!!! ไปพร้อมกับ “ประธานอาเซียน” นายอัลวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย…ก็คงไม่ได้???
แต่เพราะรอบนี้ ปธน.ทรัมป์ จะออกลูก “นักเลง” บีบให้ฝ่ายไทย…ต้องทำตาม “ใบสั่ง” คงไม่ง่ายอีกแล้ว เช่นกัน เพราะจาก…บทเรียนในครั้งก่อน ที่ทำเอาเจ้าตัวแทบ “กลับลำ!” ไม่ทัน!!!
จน “วงใน” รัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยกันเอง ยังออกมาตำหนิ? ถึงขั้นรุนแรง!
เพราะเกรงว่า…อาจสูญเสียพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ อย่าง…ไทย ไปให้กับฝ่ายจีน
รอบนี้…ท่าทีของ ปธน.ทรัมป์ จึงดูจะหนักแน่นมากยิ่งขึ้น!!!
อย่างไรก็ตาม กับ…กระแสข่าว ที่ว่า ปธน.ทรัมป์ เตรียมยกสายโทรถึง “ผู้นำไทย” และกัมพูชา ก็คงมีอยู่ และเป็นไปตามภาพในคลิปการปราศรัยที่ถูกเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้
เพียงแต่รอบนี้ ไม่ได้ “กดดัน…บีบคั้น” เห็นได้จาก…ท่าทีของนายกฯอนุทิน ข้างต้น รวมถึง การเคลื่อนไหวของกระทรวงการต่างประเทศ และสภาพสถานการณ์ในพื้นที่จริง
ทั้งนี้ เป็นเพียงการ “ส่งสัญญาณรับรู้” จาก…มหาอำนาจ ที่ยังไม่มีข้อมูลมากพอจะเข้ามาแทรกแซงอย่างเป็นทางการ
คำตอบของ นายกฯ อนุทิน ต่อประเด็นแชตที่ถูกถ่ายภาพในสภาฯ ได้ช่วยคลี่ความเข้าใจผิดตั้งแต่ต้น โดยเจ้าตัวยืนยันว่า “ข้อความที่เห็นเป็นเพียงคลิปที่ทีมงานส่งมาให้ดู มิใช่การติดต่อจากสหรัฐฯ ไม่ว่าจะจากทำเนียบขาวหรือสายทางการทูตใดๆ”
จากข้อมูลข้างต้นทั้งหมด มันก็ชัดเจนว่า…รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่ได้เริ่มต้น “กดดัน” ไทย แต่อย่างใด? สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียง “เสียงสะท้อน” จากเวทีหาเสียง ที่ไม่สามารถจะนำมาตีความว่าเป็น “นโยบายรัฐ” ได้
โครงสร้างความสัมพันธ์ “ไทย–สหรัฐฯ” มีสถานะพิเศษในกรอบ…พันธมิตรนอกนาโต้ ดังนั้น “วอชิงตัน” จึงไม่ใช้น้ำเสียงในโทน…แข็งกร้าวกับไทย
ขณะที่ รัฐบาลไทย โดย กระทรวงการต่างประเทศ ก็กำลังเดินหน้า “เปิดข้อมูล” ผ่านเวทีสากลอย่างเข้มข้น มีการ…จัดส่งหนังสือประท้วงกัมพูชา ไปแล้ว 2 ฉบับ พร้อม “ยกระดับ” การนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงต่อสหประชาชาติ ทั้งต่อ…เลขาธิการและประธานคณะมนตรีความมั่นคง เพื่อชี้ให้เห็น…การละเมิดอธิปไตยไทย
ภาพที่ทหารกัมพูชา ทำการโจมตี…ในแบบไม่เลือกเป้าหมาย จนทางการไทยจำเป็นจะต้องอพยพประชาชนจำนวนมาก ออกนอกพื้นที่…
การเคลื่อนไหวเช่นนี้…ทำให้ฝั่งสหรัฐฯ ยิ่งต้องรั้งท่าทีไว้ รอข้อมูลที่เป็นทางการจากฝ่ายไทย ก่อนจะตัดสินใจว่า…พวกเขาควรจะกำหนดบทบาทของตัวเองอย่างไรในพื้นที่ปัญหานี้
อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศของไทย ยังได้ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า…ประเทศไทยตอบรับข้อเสนอหยุดยิงจากมาเลเซีย
โดยย้ำว่า…ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง!!!
การปฏิเสธนี้…มีนัยสำคัญ เพราะมันได้สะท้อนว่า…ไทยยังคงยึดหลักเจรจาแบบ “ทวิภาคี” โดยไม่ต้องการให้ประเทศที่ 3 เข้ามา “ชี้นำ” จังหวะและเงื่อนไขใด ๆ
นั่นก็หมายความว่า…ฝ่ายไทยจะยัง “รักษาพื้นที่ทางการทูต” ของตัวเองไว้ในมือ โดยไม่เปิดช่องให้ต่างชาติได้อ้างบทบาทเหนือข้อเท็จจริงในสนามรบ
ขณะเดียวกัน ก็มี “คำเตือน” ให้คนไทยในกัมพูชา ทยอยออกนอกพื้นที่อย่างเร่งด่วน!
สิ่งนี้ แสดงให้เห็นว่า…สถานการณ์ยังไม่นิ่งพอ หากจะต้องทำการ “เปิดโต๊ะเจรจาใด ๆ”
ภาพในสมรภูมิชายแดน มันยิ่งตอกย้ำว่า…ชั่วโมงนี้ ไทยจำเป็นต้องเดินตาม “แผนยุทธการ” อย่างเคร่งครัด!!!
กองทัพบกไทย ระบุชัดสวนกลับ! คำพูดของ นายฮุน เซน ว่า…กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน ทั้งการล้ำแดน, การใช้ทุ่นระเบิด และการยิงโจมตีทหารไทยโดยไม่แจ้งเตือนตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมเป็นต้นมา
ขณะที่ ฝ่ายกัมพูชายังคงเสริมกำลังหนักอย่างต่อเนื่อง อยู่นั้น ทางฝั่งของ กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) รายงานว่า ได้พบการเคลื่อนย้าย “รถดาวเทียม” และ “ระบบจรวดหลายลำกล้อง PHL-03” ระยะยิง 130 กิโลเมตร เข้าสู่จังหวัดกัมปงธม
มันสะท้อนว่า…ฝ่ายตรงข้ามยังไม่มีเจตนาจะชะลอศึกเช่นกัน!!!
อีกด้านหนึ่ง กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี–ตราด ได้ออกประกาศเตือน! ให้ชาวกัมพูชาที่อาศัยใกล้บริเวณ “สะพานจัยจุมเนี้ยะ” ในจังหวัดโพธิสัตว์ ให้รีบออกนอกพื้นที่ภายในเวลา 3 ชม. นับจากการแจ้งเตือน เพื่อความปลอดภัย
เนื่องจากสะพานแห่งนี้…จะต้องถูกทำลายทิ้ง! เพราะฝ่ายไทยพบว่า…มันถูกใช้เป็น “เส้นทางลำเลียง” ปืนใหญ่สนาม
ภายในฝั่งไทยเอง สถานการณ์…ก็ถูกยกระดับตามกรอบกฎหมายความมั่นคง มีการประกาศเคอร์ฟิวใน 4 อำเภอชายแดน จังหวัดสระแก้ว ภายใต้กฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 เป็นการตอกย้ำว่า…
รัฐกำลังควบคุมพื้นที่ให้แน่นที่สุด! เพื่อสกัดความเสี่ยง…ที่จะลุกลามไปสู่เขตชุมชน และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
ความเคลื่อนไหวทั้งหมด จึงเดินไปในทิศทางเดียวกัน! และเป็นทิศทางที่ฝ่ายไทย…จำต้องรักษาเสถียรภาพของพรมแดน โดยไม่มีเงื่อนไขที่จะ “หยุดตอบโต้” ฝ่ายกัมพูชาในเวลานี้แต่อย่างใด?
จากปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้…สถานะของ รัฐบาลสหรัฐฯ ในท่ามกลางความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา จึงเป็นได้แค่เพียง “ผู้สังเกตการณ์” ที่ยังไม่อาจจะ “กดดัน” ฝ่ายไทย…ให้ต้องชะลอ หรือหยุดปฏิบัติการทางการทหารกับผู้รุกราน!!!
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ย่อมต้องคำนึงถึงความ “สมดุล” ทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอินโด–แปซิฟิก รวมทั้ง ความสัมพันธ์ระยะยาวกับไทย ซึ่งมี “น้ำหนัก” มากกว่า…การจะเปิดหน้า “รีบ” สอดแทรกข้อเรียกร้องใดๆ ในสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอน
ท่าที่ของ รัฐบาลสหรัฐฯ และ ปธน.ทรัมป์ ในวันนี้…จึงไม่ใช่การ “บีบไทย!” ให้หยุดยิง หรือมีความพยายามจะ “คุมเกม” ใด ๆ จากวอชิงตัน
ที่ผ่านมา เป็นแค่เพียง…การส่งสัญญาณว่า “มหาอำนาจ” กำลังสนใจและฝ่าจับตามองสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และพร้อมจะแสดงบทบาทของตนเอง ต่อเมื่อถือข้อมูลในมือแบบครบถ้วน และทำจังหวะเวลาที่เหมาะสม
โดยไทยยังเป็นฝ่ายที่จะต้อง จัดการ “ภัยคุกคาม” ตามแนวพรมแดนต่อไปตาม…สิทธิแห่งรัฐ และความสนใจจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังเป็นเพียงการแสดง “ความห่วงใย”
แต่ยังไม่เข้าขั้น…สร้างแรงกดดันใด ๆ ที่จะทำให้ฝ่ายไทยต้องหยุดแผนปฏิบัติการทางการทหาร
รอจนกว่าจะ “ปิดจบ!…ความเป็น “ภัยคุกคาม” ของกัมพูชา ที่มีต่อฝ่ายไทย ตามแผนที่วางไว้ทุกประการเสียก่อน! ค่อยเปิดโต๊ะเจรจาคุยกัน…มันก็คงไม่สายเกินไปนัก!!!.






