ค่าโง่…การทูต!!??

การเจรจาชายแดนไทย–กัมพูชา กลายเป็น “จุดเปลี่ยน!” ทางการเมืองที่ร้อนแรงกว่าที่ “รัฐบาลอนุทิน” คาดคิด! ความพยายามสร้างสันติภาพ ถูกตีความว่าเป็น…“ค่าโง่ทางการทูต และการยอมจำนนทางยุทธศาสตร์” ทว่า…ยังมีโอกาสให้แก้ตัว! แค่เปิดให้…กองทัพ ภาคประชาชน และนักวิชาการ ได้มีส่วนร่วมอย่างโปร่งใส

วลีอันน่าสะพรึง!!! “การโกง…อาจทำลายศักดิ์ศรีชาติได้เร็ว แต่ความโง่ที่มีอำนาจตัดสินใจ…ทำลายมันได้ลึกและยาวนานยิ่งกว่า???”

ข้างต้นไม่ได้หมายรวมถึง…ใคร? หรือคนกลุ่มใด?

แต่หากสิ่งนี้…มันมีอยู่จริง! และ เกิดกับตัวแทนรัฐบาลไทย ที่มีภารกิจ “เจรจาความเมือง” ลองคิดกันเอง…

อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยของเรา!!??

การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา (GBC) พิเศษ ครั้งที่ 2 ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ได้ถูก…คนของ “รัฐบาลอนุทิน” โปรโมทในเชิง “ความสำเร็จทางการทูต” ที่จะนำไปสู่…สันติภาพถาวรระหว่าง 2 ประเทศเพื่อนบ้าน หลังเหตุปะทะชายแดนเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ดูเหมือน “รัฐบาลอนุทิน” พยายามใช้เวทีนี้ เป็น “ภาพลักษณ์ใหม่” ของความร่วมมือและความสงบ แต่เสียงชื่นชมจาก “เวทีอาเซียน” กลับถูกกลบด้วยกระแส…ความไม่ไว้วางใจภายในประเทศอย่างรวดเร็ว

ข้อตกลงทั้ง 6 ข้อ ที่ลงนามร่วมกัน ตั้งแต่…การถอนอาวุธหนัก การตั้งทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน การรื้อทุ่นระเบิด ไปจนถึงความร่วมมือปราบแก๊งสแกมและค้ามนุษย์ ถูกมองว่าเป็น…ถ้อยคำที่ฟังดูดี แต่ไร้หลักประกันทางปฏิบัติ!!!

การรับปากของกัมพูชาในอดีต…แทบไม่เคยถูกทำให้เป็นจริงอย่างเต็มรูปแบบ??? และในหลายกรณี กัมพูชายังใช้ “เวลา” เป็นอาวุธ

รับปากวันนี้ แล้วค่อยถอยช้าๆ ในภายหลัง เมื่ออีกฝ่ายอ่อนแรงหรือเปลี่ยนรัฐบาล

ในแง่ยุทธศาสตร์ การประชุมที่มาเลเซีย “เปิดช่อง” ให้ฝ่ายกัมพูชา ได้มีพื้นที่เคลื่อนไหว…มากกว่าที่สาธารณชนไทยเข้าใจ???

การกำหนด พื้นที่ “นำร่อง” รื้อทุ่นระเบิด การถอนอาวุธ และการให้มีผู้สังเกตการณ์จากต่างชาติ ล้วนเป็นกรอบที่ หากฝ่ายไทยดำเนินไปก่อน โดยไม่รอหลักฐานว่ากัมพูชาถอนจริง มันก็จะเท่ากับ…การ “ปลดเขี้ยว” ของตนเองในพื้นที่ที่ยังไม่ปลอดภัย

ขณะที่ ฝั่งกัมพูชา…ยังคงกำลังทหาร และยุทโธปกรณ์ไว้ครบถ้วน ผลคือ…ไทยอาจสูญเสียทั้งพื้นที่ทางยุทธศาสตร์และอำนาจต่อรอง

ความผิดพลาด…อาจไม่ได้อยู่ที่เจตนา หากแต่อยู่ที่ความเข้าใจ…ที่ ตัวแทนฝ่ายไทย ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจน้อยมากในเรื่องที่จะต้องคุยกับฝั่งกัมพูชา

และนี่คือสิ่งที่ประชาชนเริ่มตั้งคำถามว่า…คนที่รัฐบาลส่งไปเจรจา “เข้าใจสนามการเมืองกัมพูชาเพียงพอหรือไม่” หรือเพียงแต่หวัง “สร้างภาพทางการทูต” เพื่อปิดรอยร้าวภายในประเทศ

หากไม่มี การทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ก็ย่อมเหลือเพียงคำตอบเดียวที่น่ากังวลกว่า คือ “ความไม่รู้” ที่แฝงอยู่ในนามของความหวังดี

การเมืองไทย มักตกอยู่ในกับดักเดิมๆ

เมื่อเกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐบาลจะเร่งสร้าง “ความสำเร็จเชิงสัญลักษณ์” เพื่อโชว์ผลงานทางการทูต โดยไม่สร้างฉันทามติในประเทศเสียก่อน

กรณีนี้ ก็เช่นกัน ขณะที่ “รัฐบาลอนุทิน” ประกาศความสำเร็จใน การประชุม GBCฝ่ายทหารในพื้นที่กลับยังไม่ได้รับคำสั่งปฏิบัติที่ชัดเจน!!!

และ รายงานข่าวกรองชายแดน ยังยืนยันว่า…กัมพูชายังคงตรึงกำลังไว้ครบใน 11 จุดพิพาท การถอนอาวุธฝ่ายเดียว จึงถูกมองว่าเป็น…

การยอมแพ้ทางยุทธศาสตร์ มากกว่า…การสร้างสันติภาพ!!!

แรงต้านที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจาก ฝ่ายค้านเพียง อย่างเดียว? แต่กำลัง “ขยายตัว” ในหมู่ข้าราชการระดับสูง นักวิชาการด้านความมั่นคง และประชาชนชายแดน ที่รู้สึกว่า “รัฐบาลอนุทิน” กำลัง…“แลกความปลอดภัยของพวกเขากับภาพลักษณ์ของรัฐมนตรี!!!”

กระแสในโลกออนไลน์ เริ่มก่อตัวเป็น แฮชแท็ก #ค่าโง่ GBC และ #ขายชาติรอบใหม่ สะท้อน…ความไม่ไว้วางใจที่ลึกเกินกว่าข่าวการเมืองรายวัน!!??

ท่ามกลางกระแสดังกล่าว คำถามสำคัญที่สุด คือ “รัฐบาลอนุทิน…รู้จริงแค่ไหน???”

เพราะใน เกมความมั่นคงระหว่างประเทศ นั้น…“การโกงอาจทำลายศักดิ์ศรีชาติได้เร็ว แต่ความโง่ที่มีอำนาจตัดสินใจ ทำลายมันได้ลึกและยาวนานกว่า!!!”

ความไม่เข้าใจในระบบการเจรจา ความเร่งรีบทางการเมือง และการไม่รับฟังข้อมูลจากกองทัพ ล้วนสามารถ “ก่อผลเสีย” ที่ต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการแก้ไข

ยิ่งในบริบทที่ กัมพูชา มี “ผู้นำ” ที่คุมอำนาจอย่างต่อเนื่อง การเจรจากับประเทศที่ “เล่นหมากยาว” โดยคนที่ “อ่านเกมสั้น” คือ…จุดเริ่มต้นของหายนะ! ในทางยุทธศาสตร์เสมอ

ข้อสงสัย? ระหว่าง “ความไม่ตรงไปตรงมา หรือไม่ฉลาด?” ที่คนไทยตั้งขึ้นมานั้น…ได้สะท้อนความสิ้นหวังทางสังคมต่อคุณภาพของ “ผู้เจรจา”

เพราะในเมื่อเรายังไม่เห็น หลักฐานการทุจริต ก็ต้องหันมามองอีกด้านว่า…ความเสียหายทางนโยบายเกิดจากความไม่เข้าใจมากเพียงใด?

และเมื่อ ความไม่รู้? แต่ดันมีอำนาจลงนามแทนประเทศ มันก็ไม่ต่างจากการเซ็นสัญญาในภาวะ “มืดบอด” ต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับแผ่นดินในอนาคต ใช่หรือไม่???

การเจรจาในเรื่อง “ความมั่นคงระดับรัฐ” ไม่ใช่พื้นที่ทดลองนโยบาย และไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล

การเจรจา…จะต้องตั้งอยู่บน “ฐานของข้อมูล ข่าวกรอง และการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ระยะยาว” ไม่ใช่…บนความรู้สึก หรือแรงกดดันทางการทูต

หากใครก็ตาม? ที่ถูกมอบหมาย…แต่ไม่เข้าใจภูมิรัฐศาสตร์ลึกพอ การยอมรับข้อตกลงที่ดูดีในหน้ากระดาษ ก็อาจกลายเป็น “ค่าโง่ทางยุทธศาสตร์” ที่ประชาชนทั้งประเทศต้องจ่าย!!??

วันนี้ “รัฐบาลอนุทิน” กำลังเผชิญแรงเสียดทานจาก 3 ทิศทาง ไปพร้อมกัน!!!

หนึ่ง…จากต่างชาติที่รอให้ไทยทำตามคำมั่น

สอง…จากกองทัพที่ไม่ไว้วางใจ

และสาม…จากประชาชนที่รู้สึกว่า “เสียงของพวกเขา…ไม่มีค่าในโต๊ะเจรจา”

หาก “รัฐบาลอนุทิน” ยังเลือกเดินหน้าตามข้อตกลง GBC โดยไม่สร้างฉันทามติภายใน ไม่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ และไม่ให้กองทัพร่วมออกแบบแนวทางปฏิบัติ

ข้อตกลงนี้…อาจล้มกลางทาง! และ “รัฐบาลอนุทิน” จะสูญเสียทั้ง…ความเชื่อมั่นภายใน และเครดิตระหว่างประเทศในเวลาเดียวกัน

การบริหารประเทศ…ไม่ใช่เพียงการทำให้ต่างชาติพอใจ แต่คือ…การทำให้ประชาชนของตนรู้สึกมั่นใจว่า ชาติไม่เสียเปรียบ

หาก “รัฐบาลอนุทิน” ยังไม่เข้าใจ “จุดสมดุล” นี้ ก็เท่ากับ…กำลังแลก “สันติภาพบนโต๊ะประชุม” กับ “ความแตกแยกในใจคนไทย” ซึ่งเป็น…การคำนวณทางการเมืองที่ผิดพลาดอย่างที่สุด!!!

ใน ประวัติศาสตร์การเมืองไทย มี…หลายรัฐบาลที่พัง! เพราะ “ความทะเยอทะยานทางการทูต” ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในสนาม

และมี ไม่กี่รัฐบาล ที่เรียนรู้ว่า…ความมั่นคงแท้จริง! ไม่ได้เกิดจากข้อตกลงที่ต่างชาติรับรอง แต่เกิดจากประชาชนในชาติเดียวกันที่พร้อมจะเชื่อมั่นในผู้นำของตนเอง!!!

ยังไม่สาย! และ “รัฐบาลอนุทิน” ยังมีโอกาสหลีกพ้นจากคำว่า “ค่าโง่ทางการทูต” หากเริ่มต้นสร้างฉันทามติในประเทศในทันที!!!

ปิดทางให้…กองทัพ ภาคประชาชน และนักวิชาการ ได้มีส่วนร่วมในกำหนดแนวทางชายแดนอย่างโปร่งใส และประกาศให้โลกและคนไทยได้เห็น ว่า…ไทยจะไม่ถอนกำลังจนกว่าจะมีหลักฐานยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิบัติตามข้อตกลงจริง

ถ้าทำได้เช่นนั้น “รัฐบาลอนุทิน” จะพลิกจาก “ผู้ถูกกล่าวหา” เป็น “ผู้นำสันติที่มีศักดิ์ศรี!!!”

แต่ถ้า ยังคงดื้อดึง…เดินหน้าบนเส้นทางที่ประชาชนไม่เห็นด้วย โดยไม่ทำการชี้แจง ไม่รับฟัง และไม่เข้าใจภูมิรัฐศาสตร์จริง

ข้อตกลง GBC ในครั้งนี้…อาจไม่จบลงที่คำว่า “สันติภาพ” อย่างที่รัฐบาลวาดไว้ แต่จะกลายเป็น “บทเรียนใหม่” ของ “ค่าโง่ทางการเมืองและทางการทูต” ที่คนไทยต้องจำไปอีกนาน…

“ค่าโง่” ที่ไม่ได้เกิดจาก การโกง แต่เกิดจาก “ความไม่รู้…ที่มีอำนาจตัดสินใจ” แทนคนไทยทั้งประเทศ!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password