‘2 รมต.พาณิชย์’ ลุยบรรทัดทอง ยื่น 4 ข้อเสนอ ดันสู่แลนด์มาร์กสตรีทฟู้ดโลก

“จตุพร” ควง “ฉันทวิชญ์” ลงพื้นที่ถนนบรรทัดทอง รับฟังปัญหาผู้ประกอบการ เติมความเชื่อมั่น พร้อมเสนอแนวทางเร่งด่วน 4 ด้าน เดินหน้าผลักดันสู่แลนด์มาร์กสตรีทฟู้ดระดับโลก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2568 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ถนนบรรทัดทอง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้แทนสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง ตามนโยบาย“พาณิชย์พึ่งได้” เพื่อตรวจเยี่ยมและรับฟังปัญหา รวมถึงข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการร้านอาหารและสตรีทฟู้ดในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์สำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ

ถนนบรรทัดทองเป็นย่านร้านอาหารที่ได้รับการจัดอันดับโดย นิตยสาร Time Out ให้เป็น “ถนนที่เท่ที่สุดในโลก อันดับที่ 14” (World’s Coolest Streets) เมื่อปี 2014 ปัจจุบันมีร้านอาหารทั้งเก่าแก่และรุ่นใหม่กว่า 300 ร้าน สร้างรายได้หมุนเวียนให้เศรษฐกิจหลายพันล้านบาทต่อปี แต่ในระยะหลัง ผู้ประกอบการต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ค่าเช่าพื้นที่ที่สูงขึ้น และกำลังซื้อของคนไทยที่ชะลอตัว

นายจตุพร กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ตระหนักถึงศักยภาพของถนนบรรทัดทองที่จะพัฒนาเป็น ‘แลนด์มาร์กสตรีทฟู้ดระดับโลก’ แต่ขณะเดียวกันต้องรับฟังข้อเท็จจริงจากผู้ประกอบการ และร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

ที่นี่มีร้านอาหารจำนวนมาก ต้องมาดูว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ตรงไหน แล้วแก้ให้ตรงจุด เพราะมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คมนาคม กรุงเทพมหานคร และจุฬาฯ ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ต้องช่วยกันออกแบบอนาคตร่วมกัน สิ่งสำคัญคือการรวมกลุ่มผู้ประกอบการ ตั้งคณะกรรมการที่มีส่วนร่วมจริง และวาดคอนเซ็ปต์ให้ชัดว่าบรรทัดทองจะมีเอกลักษณ์แบบไหน” นายจตุพรกล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอแนวทางเร่งด่วน 4 ด้าน ได้แก่

1.การรวมกลุ่มผู้ประกอบการให้เข้มแข็ง โดยตั้งกรรมการเป็นทางการ เพื่อเป็นกลไกหลักในการสื่อสารและตัดสินใจ เมื่อดำเนินการใดๆ จะได้มีพลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

2.การกำหนดคอนเซ็ปต์ย่าน (Unique Identity) เช่น จัดโซนพิเศษในวันเสาร์–อาทิตย์ และสร้างบรรยากาศที่แตกต่างเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

3.การลดต้นทุนผู้ประกอบการ โดยผลักดันนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” นำสินค้าคุณภาพดีราคาเป็นธรรมมาเชื่อมโยงกับร้านอาหารในพื้นที่ในลักษณะฟาร์มทูเทเบิล

4.การจัดอีเวนท์ต่อเนื่อง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อสร้างบรรยากาศคึกคักและเชื่อมโยงกับย่านท่องเที่ยวอื่นๆ ของกรุงเทพฯ

นายจตุพร ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์พร้อมประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันนโยบาย “พาณิชย์พึ่งได้” โดยทำงานเชื่อมโยงจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ และรณรงค์ใช้สินค้าไทยไปพร้อมกับการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ย่านนี้

ผมอยากให้บรรทัดทองเป็นย่านที่คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จัก ว่าเป็นสตรีทฟู้ดที่ปลอดภัย มีเอกลักษณ์ และมีบรรยากาศที่เดินสนุก กินเพลิน เดินชิลล์ เติมศิลป์ ไม่ต่างจากจตุจักรหรือทรงวาด ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กที่ใครมากรุงเทพฯ ก็ต้องแวะมา” รมว.พาณิชย์ กล่าว

ด้านผู้แทนผู้ประกอบการถนนบรรทัดทองสะท้อนว่า ปัจจุบันแม้จะมีร้านค้ารวมกว่า 385 ร้าน แต่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จากเดิมที่มีจำนวนถึง 30,000–40,000 คนต่อวัน จนผู้ประกอบการประสบปัญหาจึงเสนอให้ภาครัฐและจุฬาฯ เร่งร่วมกันกำหนดแผนพัฒนาและผลักดันให้ถนนบรรทัดทองเป็น “เขตเศรษฐกิจสร้างสรรค์” เพื่อสร้างเสน่ห์ใหม่และรักษาศักยภาพของย่านนี้ไว้

ทั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของพื้นที่ ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยการจัดโครงการลดต้นทุน โครงการการจัดการสิ่งแวดล้อม และพัฒนาพื้นที่ให้มีความยั่งยืน พร้อมทั้งผลักดันให้มีการจัดกิจกรรม Night Street Food” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

ผศ.ดร.จรัสพัฒน์  พฤกษารัตนวุฒิ  ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านการจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ เปิดเผยว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมุ่งเน้นการพัฒนาย่านสามย่าน-บรรทัดทอง ในทุกในมิติ ที่ไม่เพียงแต่พัฒนาด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งเน้นการพัฒนาทั้งด้านความเป็นอยู่ของชุมชนสังคม สิ่งแวดล้อมทั้งให้ความสำคัญด้านพื้นที่สีเขียวและการประหยัดพลังงาน การพัฒนาพื้นที่โดยใช้เทคโนโลยี และพัฒนาเมืองให้เป็น SMART CITY รวมทั้งยังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนบรรทัดทองอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความเจริญเติบโตของเมืองทั้งในปัจจุบัน และอนาคต พร้อมทั้งการพัฒนาความสัมพันธ์เพื่อสร้างพลังความร่วมมือกับทั้งผู้เช่าที่ไม่ใช่แค่ผู้เช่ากับผู้ให้เช่า แต่สร้างความสัมพันธ์แบบพาร์ทเนอร์กันและกัน

สร้างสรรค์ให้บรรทัดทองมีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน เกิดเป็น THAILAND’s STREET FOOD LANDMARK โดยการรวมพลังช่วยกันเสริมจุดแข็ง และแก้ไขจุดอ่อนให้กับผู้ประกอบการ เช่น  “โครงการโต๊ะกลม” ที่จะให้คำปรึกษา ติดอาวุธให้ความรู้ทั้ง AI  การเงิน การตลาด ภาษีแก่ผู้ประกอบการ เป็นต้น

Business matching ให้ผู้ผลิตมาพบกับผู้ประกอบการ เพื่อช่วยเหลือด้านการลดต้นทุนวัตถุดิบด้วยการจัดโครงการ Partnership “PMCU Resterant Stronger Togetheres นอกจากนี้ยังวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในระยะยาว โดยมุ่งเน้นเป็นต้นแบบทางด้าน SDGs เพื่อเป็นต้นแบบด้านการพัฒนาพื้นที่ย่านการค้าอย่างยั่งยืน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password