‘รองฯพิชัย’ นำตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรบ้านนำพุร้อน จี้! ปรับกลยุทธ์เมืองกาญจน์ สร้างแหล่งต้นน้ำส่งภาคกลาง

รองนายกฯพิชัย นำทีมลงพื้นที่ด่านศุลกากรบ้านพุน้ำร้อน กาญจนบุรี ติดตามการค้าชายแดน ความมั่นคง และการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ เผย! สถานการณ์เปลี่ยน จำต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ เปลี่ยนเมืองกาญจน์ จากเขตเศรษฐกิจพิเศษเชื่อมเมียนมา เป็นแหล่งต้นส่งต่อภาคกลาง รองรับทั้งการอุปโภค บริโภค และอุตสาหกรรม

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ตรวจราชการใน จ.กาญจนบุรี ซึ่งมี ด่านศุลกากรที่ดูแลการค้าทั้งบ้านพุน้ำร้อนและเจดีย์สามองค์ซึ่งเป็นด่านสำคัญในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยและเมียนมา โดยเฉพาะ ในเส้นทางบ้านพุน้ำร้อนที่มุ่งสู่เขตเศรษฐกิจทวายที่อยู่ห่างจากด่านเพียง 120 กิโลเมตร โดยเป้าหมายสำคัญในการลงพื้นที่ครั้งนี้ คือการติดตามผลการดำเนินงานของด่านศุลกากรและรับฟังปัญหาอุปสรรคของการค้าไทย-เมียนมา จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน สำรวจแนวทางการส่งเสริมการค้าถูกกฎหมาย เช่น การส่งเสริมการค้าชายแดน การดูแลราคาสินค้าเกษตรให้กับตลาดไทยผ่านการกำชับการนำเข้าสินค้าเกษตร การปกป้องคนไทยจากภัยยาเสพติด

พื้นที่กาญจนบุรี มีความสำคัญทั้งด้านความมั่นคง และด้านเศรษฐกิจ ซึ่งต้องมีการดูแลทั้งคู่ และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำงานร่วมกัน และได้มอบนโยบายให้กับส่วนราชการ ในการสนับสนุนให้มีการค้าขายชายแดนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาว เพราะหากเศรษฐกิจดีขึ้นก็จะทำให้ปัญหาด้านยาเสพติดจะลดลงด้วย โดยในระยะสั้นก็ขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนการทำงานของฝ่ายความมั่นคง ให้ปราบปรามอย่างเข้มงวด ไม่ให้ยาเสพติดไหลเข้ามาในประเทศเราได้” นายพิชัย ย้ำ

ด้าน การนำเข้าสินค้าเกษตร นายพิชัย กล่าวว่า ได้ขอ ด่านศุลกากรฯ ให้กวดขันเข้มงวดสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย ไม่มีคุณภาพ เช่น การกวดขันคุณภาพมันสำปะหลังและการป้องกันยางพาราเถื่อนไม่ให้มาทำลายโครงสร้างราคาของไทย เป็นต้น และขอให้พิจารณาความเหมาะสมหากจะเปิดให้นำเข้าสินค้าประมงที่จะนำมาพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าในประเทศได้ ซึ่งจะทำให้พื้นที่กาญจนบุรีมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

ส่วน การพัฒนาอุตสาหกรรม นั้น รองนายกฯและรมว.คลัง ระบุว่า จ.กาญจนบุรีเคยถูกวางไว้เป็นเมืองที่จะเชื่อมต่อไปกับเขตเศรษฐกิจพิเศษของเมียนมา แต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป จึงเห็นว่าควรจะต้องวางกลยุทธ์ใหม่ โดยยกตัวอย่างว่า ตนเองเห็นกาญจนบุรีมีศักยภาพสำหรับอุตสาหกรรมสีเขียว เพราะเป็นจังหวัดที่เป็นต้นกำเนิดของน้ำ โดยยกตัวอย่างว่าน้ำที่ใช้ในเขตภาคกลางนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากต้นน้ำในจังหวัดกาญจนบุรี จึงสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต่อยอดเรื่องน้ำ ให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีน้ำใช้สำหรับทั้งอุปโภค บริโภค และอุตสาหกรรม ด้วย.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password