ไทยพร้อมเป็น ‘หุ้นส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ’ เต็มรูปแบบ

“รมว.พาณิชย์” ประกาศดันไทยเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ เต็มรูปแบบ เปิดข้อเสนอภาษีไทย ชู “เทคโนโลยี–การค้า–เกษตร”  เดินหน้าขยายความร่วมมือ บนเวที “Thailand – US Trade & Investment Summit 2025”

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Thailand – US Trade & Investment Summit 2025 ซึ่งจัดโดยความร่วมมือของ หอการค้าไทย หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM) และ หอการค้าสหรัฐอเมริกา (U.S. Chamber of Commerce) โดยมี ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน นักลงทุน และนักธุรกิจจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมกว่า 300 คน

นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อความท้าทายจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ที่อาจกระทบต่อภาคการส่งออก ไทยได้มีความพยายามที่จะหารือร่วมกับสหรัฐฯ ในเวทีต่าง ๆ โดยได้จัดตั้ง คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ ม.ค. 2568 โดยมี ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน

ทั้งนี้ ไทยได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อ USTR อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเชิงบวกจาก นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รมต.คลังสหรัฐฯ โดยได้ เสนอแนวทางสำคัญ อาทิ เสริมความร่วมมือในสาขาอาหารแปรรูป ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI ขยายการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เช่น พลังงาน สินค้าเกษตร และชิ้นส่วนอากาศยาน เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า แก้ไขมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี ป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า  และส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ

โดยข้อเสนอดังกล่าวได้ถูกหารือเพิ่มเติมกับ นายจามิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และนายเบสเซนต์ ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคที่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความพร้อมในการขับเคลื่อนความร่วมมือผ่านการเจรจาระดับนโยบายที่กรุงวอชิงตันในอนาคตอันใกล้

รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวเชิญชวนนักลงทุนสหรัฐฯ ขยายการลงทุนในไทย โดยฐานการลงทุนอุสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะพลังงานที่มั่นคง ซึ่งเอื้อต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ แผงวงจรพิมพ์ (PCB) ดาต้าเซ็นเตอร์ ชิ้นส่วนสำหรับประกอบ AI และยานยนต์อัจฉริยะ รวมถึงสามารถต่อยอดไปสู่การผลิตอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่รองรับความต้องการของตลาดในอนาคต

รัฐบาลไทยยืนยันความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยที่เข้มแข็ง และส่งเสริมความร่วมมือกับสหรัฐฯ บนพื้นฐานของความสมดุลและผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อเติบโตไปด้วยกัน พร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ ที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งที่ผ่านมา สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน โดยในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างกันสูงกว่า 74,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็น 18% ของการส่งออกทั้งหมด ขยายตัว 13.6% สะท้อนความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายพิชัย กล่าวสรุป.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password