กกต.ไร้ข้อสรุปประกาศรับรอง 200 สว./วุฒิสภามีมติ ตั้ง กมธ.ศึกษา ลต.สว.ถูกต้องหรือไม่?
กกต. ปิดห้องประชุมลับ นาน 2 ชั่วโมง ยังไม่พิจารณารับรองผลเลือก 200 สว.ชุดใหม่ เผยกรรมการแต่ละคนยังเห็นต่าง ขณะที่ประชุม สว.มีมติตั้ง กมธ.ตรวจสอบการเลือกสว.ถูกต้องหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 67 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องประเด็นต่างๆ และรายงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงรายงานผลการเลือก สว.ระดับประเทศ ที่ดำเนินการไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมลับประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 11.00-13.00 น. ทั้งนี้ หลังการประชุมเสร็จสิ้น มีรายงานว่า ที่ประชุมยังไม่พิจารณารับรองรายงานผลการเลือก สว. แม้เรื่องดังกล่าวจะอยู่ในระเบียบวาระการประชุม เนื่องจาก กกต.แต่ละคนยังมีความเห็นแตกต่างกัน จึงเป็นเพียงการพูดคุยถึงงานที่ต้องดำเนินการให้ชัดเจนก่อนจะประกาศรับรองผลเลือก สว.
อย่างไรก็ตาม แม้การเลือก สว.ระดับประเทศ ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นมาแล้วเกือบ 2 สัปดาห์ แต่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาการรับรองผลของ กกต. ระบุเพียงว่า สามารถรับรองผลได้เมื่อพ้นกำหนด 5 วันหลังการเลือกในระดับประเทศเสร็จสิ้น หาก กกต.เห็นว่า กระบวนการเลือกเป็นไปโดยถูกต้อง สุจริตและเที่ยงธรรม.
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. มีการประชุมวุฒิสภา (สว.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สว.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาหลายวาระ อาทิ วาระกระทู้ถามต่างๆ กระทั่งเวลา 13.17 น. เข้าสู่การพิจารณา ญัตติเรื่องขอเสนอญัตติตั้งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือก สว.ที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สว.เสนอ โดย นายสมชาย แถลงเหตุผลตอนหนึ่งว่า ตราบใดยังไม่มี สว.ชุดใหม่ เราต้องทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติให้ครบถ้วน ยืนยันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีสมาชิก สว.ทั้ง 250 คนว่าไม่มีเจตนาหรือประสงค์อย่างใดที่จะไปยื้อเวลาอยากอยู่ต่อ เหมือนที่กล่าวหาให้ร้ายกันในสังคม เพียงแต่เราต้องทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกมาตรา ยกเว้นมาตรา 272 เรื่องโหวตนายกฯ ทำหน้าที่สมศักดิ์ศรีส่งต่อให้ สว.ชุดใหม่ครบถ้วน คณะที่เสนอจะประกอบด้วยบุคคลภายนอกผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ อาทิ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีต สว. นายคมสัน โพธิ์คง อดีต สสร.ปี 40 เป็นต้น เพื่อทำข้อเสนอถอดบทเรียนทางวิชาการ ถ้าที่ประชุมเห็นด้วยจะได้เริ่มงานทันทีวันที่ 9 ก.ค.ใช้เวลา 30 วัน
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า การรับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลัง กระทำไม่ได้ต้องดูให้ดี ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 เรื่องวุฒิสภา สรุปต้องทำให้การเลือกกันเองเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม และหากไม่ครบตามจำนวนไม่ว่าเหตุใดไปเลื่อนบัญชีสำรองได้ กกต.มีอำนาจ ถ้าเห็นว่าตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทั้งหมดแล้ว ยืนยันว่าถูกต้องและสุจริตเที่ยงธรรม ท่านประกาศได้ แต่การเลื่อนบัญชีไม่สามารถนำบัญชีสำรองแล้วบอกว่าสอยทีหลังได้ เพราะรัฐธรรมนูญบอกว่าการเลื่อนบัญชีไม่ใช่อำนาจของ กกต. แต่เป็นอำนาจประธานวุฒิสภา เช่น วุฒิสภาชุดนี้เลื่อนบัญชีหลายครั้ง ตามมาตรา 111 คือเมื่อสมาชิก สว. ตาย ลาออกหรือต้องคดี หรือกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตราใดมาตราหนึ่ง เป็นอำนาจหน้าที่ประธานวุฒิสภา ไม่ใช่อำนาจ กกต. แล้วไม่ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญหรือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าให้อำนาจท่านไปสอยทีหลัง กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบสุจริตเที่ยงธรรม หากเห็นเป็นดังนั้นก็ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
โดยหลังจากสมาชิก สว.อภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นด้วยให้ตั้ง กมธ.ตามที่นายสมชายเสนอไป ด้วยคะแนน 101 เสียง ไม่เห็นด้วย 10 เสียง งดออกเสียง 17 เสียง ตั้ง กมธ.วิสามัญฯ จำนวน 21 คน เป็นคนใน 14 คน คนนอก 7 คน.