กระแสข่าวปลด ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ “แบงก์ชาติ” กระเด็นพ้นเก้าอี้ เกิดขึ้นมาชนิดฝุ่นตตลบอบอวล ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ เมื่อวันจันทร์ 10 มิ.ย.26 ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงกว่า 18 จุด หลุดระดับ 1,320 จุด ต่ำสุดในรอบ 4 ปี

ปมขัดแย้ง ที่ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น มีหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพักหนี้ ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย หรือ การแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต

คำถามคือว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่? ที่จะมีการเปลี่ยนตัว “เศรษฐวุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ คนที่ 24 ตาม พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 ฉบับปรับปรุงล่าสุด 2551 ระบุไว้ในมาตรา 28/19 (4)ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ปลดผู้ว่าฯแบงก์ชาติได้ แต่จะต้องมีเหตุผลในการสั่งปลด และมีข้อพิสูจน์ว่ามีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง หรือทุจริตต่อหน้าที่

นอกจากนี้ยังมีมาตรา 28/19 (5) มีบทบัญญัติว่า (5)ให้อำนาจคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เสนอคณะรัฐมนตรี สั่งปลดผู้ว่าฯแบงก์ชาติได้อีกทางด้วย หากกรณีมีข้อพิสูจน์และหลักฐานว่าผู้ว่ามีความผิดบกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง หรือหย่อนความสามารถ

ในอดีตมีผู้ว่าฯแบงก์ชาติ 4 คนถูกปลดพ้นจากตำแหน่ง โดยผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนที่ 9 “โชติ คุณะเกษม” ถูกปลดโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี สาเหตุพัวพันกรณีจ้างต่างชาติพิมพ์ธนบัตร, “นุกูล ประจวบเหมาะ” ผู้ว่าแบงก์ชาติ คนที่ 13 ถูกปลดในสมัย สมหมาย ฮุนตระกูล เป็นรมว.คลัง “เพราะขัดแย้งนโยบายเงินฝาก”

“กำจร สถิรกุล” ผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนที่ 14 ถูกปลดในสมัย ประมวล สภาวสุ รมว.คลัง จากความขัดแย้งเรื่องอัตราดอกเบี้ย และ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล หรือ “หม่อมเต่า” ผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนที่ 19 ถูกปลดในสมัย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น รมว.คลัง โดยไม่ระบุเหตุผล ด้วยข้อหา “ไม่ถูกชะตา” แต่เข้าใจว่ามีความขัดแย้งเชิงนโยบายเรื่องค่าเงินบาท

ที่สำคัญมีรายชื่อของ “เดอะโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต”ขุนคลัง” รมว.คลัง สมัย รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จะมารับเก้าอี้ดังกล่าว ย้อนอดีตให้เห็นชัดๆ “เดอะโต้ง” เคยมีความเห็นขัดแย้งเรื่องนโยบายดอกเบี้ยกับแบงก์ชาติ ในยุคที่ “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” เป็นผู้ว่าฯแบงก์ชาติ คนที่ 22

โดย “กิตติรัตน์” ไม่พอใจในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของแบงก์ชาติอย่างตรงไปตรงมา และแสดงความคิดเห็นว่า แบงก์ชาติไม่เคยประสานนโยบายกับรัฐบาล

ดังนั้นน่าจับตาอย่างยิ่งว่า รัฐบาลที่แข็งแกร่งด้วยจำนวน 314 เสียง จะดำเนินการนโยบายที่คาบเกี่ยวกับนโยบายการเงินได้หรือไม่?

ที่สำคัญ เก้าอี้”แบงก์ชาติ” ที่ไม่ถูกชะตากับ รัฐบาล จะถูกเปลี่ยนตัว โดย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ในยุคนี้ หรือไม่ เช่นกัน !!!