“อนุทิน” เผย นายกฯ เชิญ “พรรคร่วมรบ.” กินข้าวมื้อเที่ยง ขอทุกฝ่ายหนุน ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67
หัวหน้าพรรคภูมbิใจไทย เผยนายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมวงอาหารมื้อกลางวัน พร้อมขอเสียงสนับสนุนงบฯปี67 รับ ท้วงติงปม รัฐบาลชงชื่อ 18 กมธ.พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบฯ67 ในสัดส่วน ครม.เป็นคนของ เพื่อไทย ทั้งหมด
วันที่ 28 ธ.ค.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรี และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบ ว่า นายกฯได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค มารับประทานอาหารกลางวัน และหารือในช่วงที่มีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค.นี้ ที่รัฐสภา โดยขอให้แต่ละพรรคเตรียมความพร้อมสูงสุด และกำชับว่าต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ต่อข้อถามว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ได้ทักท้วงเรื่องรายชื่อบุคคลที่จะนั่งเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบ 2567 ในสัดส่วน ครม.จำนวน 18 คน จากทั้งหมด 72 คน มีแต่รายชื่อบุคคลจากพรรคเพื่อไทยนั้น นายอนุทินกล่าวว่า สอบถามเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะผู้เสนอเป็นฝั่ง ครม.พรรคเพื่อไทย จึงถามไปว่าเมื่อมีสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยแล้ว สัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นจะเหลือจำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้เตรียมจัดบุคลากรที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ไม่มีอะไร
ส่วนเมื่อถามว่า ที่ประชุม ครม.ได้ให้เหตุผลหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีเฉพาะรายชื่อบุคคลจากพรรคเพื่อไทย นายอนุทินกล่าวว่า เขาเป็นคนจัด และบอกว่าในส่วนของเขามีจำนวนนี้ ส่วนของพรรคร่วมจะมีจำนวนเท่าไหร่ก็เสนอเข้ามาเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรนอกจากนี้เลย และนายกฯก็บอกว่าแบบนี้ถูกต้องแล้ว จัดให้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมชัดเจน
ขณะที่การประชุม ครม.สัปดาห์หน้าจะมีรายชื่อครบทั้ง 18 คน ตามสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เชื่อว่าในการลงมติรับหลักการวาระแรกในวันที่ 5 เม.ย.2567 ก็จะมีการเสนอรายชื่อบุคคลเพิ่มเติมที่จะเป็น กมธ.วิสามัญ
เมื่อถามว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะมานั่งเป็นประธาน กมธ.วิสามัญงบฯ ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องให้แกนนำมีบทบาทในเรื่องนี้ ทั้งงานรัฐบาลและงานสภา.