“คำนูณ” จับตา พรบ.เงินกู้ 5แสนล้าน สร้างประวัติศาสตร์ การเมืองไทย
จับตา พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้าน ผ่านทุกด่าน จะสร้างประวัติศาสตร์ในรอบ25 ปี ด้าน อดีตผช.รมว.ยุติธรรม ฟันเปรี้ยงเงินดิจิทัล ทำ ‘เศรษฐา’ หลุดเก้าอี้นายกฯ
วันที่ 18 พ.ย.2566 นายคํานูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.)โพสต์เฟซบุ๊กว่า 25 ปีตั้งแต่ปี 2541 มาจนถึงปัจจุบันมีการออกกฎหมายพิเศษกู้เงินนอกงบประมาณมาใช้ในวัตถุประสงค์เฉพาะโดยไม่ต้องส่งคลังมาแล้ว 9 ครั้ง
สำเร็จมีผลใช้บังคับ 7 ครั้ง ไม่สำเร็จไม่มีผลใช้บังคับ 2 ครั้ง โดย ทั้ง 7 ครั้งที่สำเร็จมีผลใช้บังคับล้วนจัดทำเป็น “พระราชกำหนด” ทั้งสิ้น
ทั้ง 2 ครั้งที่ไม่สำเร็จไม่มีผลใช้บังคับต่างจัดทำเป็น “(ร่าง)พระราชบัญญัติ” ! คือปี 2552 และปี 2556
และเป็นเวลา 5 ปีนับตั้งแต่มีการตราพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มีมาตรา 53 กำกับการออกกฎหมายพิเศษกู้เงินนอกงบประมาณในลักษณะนี้ แม้จะไม่ได้ระบุว่าให้ตราเป็นพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด แต่กฎหมายกู้เงินที่ตราขึ้นมามีผลใช้บังคับ 2 ฉบับในปี 2563 และ 2564 ล้วนตราออกมาในรูปแบบ “พระราชกำหนด” ทั้งสิ้น
แต่ไม่ว่าจะตราเป็นร่างพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด ก็ล้วนต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา รวมทั้งมีกลไกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบความขอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น
เพียงแต่ต่างขั้นตอนและต่างเงื่อนไขกัน หากรัฐบาลปัจจุบันเดินหน้าตราร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 5 แสนล้านบาท และผ่านทุกด่านจนสำเร็จลุล่วงมีผลใช้บังคับ จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในรอบ 25 ปีและ 5 ปีทีเดียว
ด้านนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บ. ของรัฐบาล ที่ล่าสุดเตรียมออกเป็น พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้านว่า โครงการนี้จะส่งผลให้นายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เพราะการที่รัฐบาลไม่ออกเป็น พรก.กู้เงิน แต่เปลี่ยนเป็น พรบ.กู้เงิน แทนนั้น เหมือนโยนการตัดสินใจให้กับสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา แทน ต่างจากสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ออกเป็น พรก.เงินกู้ โดยมติ ครม. แต่ครั้งนี้เป็น พรบ. กู้เงิน 5 แสนล้าน ต่างจากอดีตสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ เพราะ ปี 2557 ยังไม่มี พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ที่ออกมาเมื่อปีพ.ศ. 2561 ซึ่งในมาตรา 53 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การออกกฎหมายพิเศษกู้เงิน จะกระทำได้ในกรณีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้แก้วิกฤตของประเทศ โดยไม่สามารถตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน หากเข้า เงื่อนไขทั้ง 4 ประเด็น จึงจะสามารถออกกฏหมายได้
อีกทั้งตอนนี้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ก็ยังไม่เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร การที่นายเศรษฐา ทวีสิน ไม่นำเรื่องนี้ใส่ใน พ.ร.บ.งบประมาณ แล้วยังดื้อดึงออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ แทนเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก็น่าจะขัดกับ พรบ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 และยังขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 เช่นกัน ผมจึงมั่นใจ ส.ส.จะไม่ร่วมโหวตเห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะเป็นที่รู้กันว่าผิดกฎหมาย ดังนั้น ส.ส.ก็คงประชุมเพลิงพร้อมเปลี่ยนนายกฯ
“ถ้าแจก ก็หลุดตำแหน่งนายกฯ สูง แต่ถ้าไม่แจกเลยก็จะโดนชาวบ้านถล่ม เพราะรับปากไว้แล้ว ถ้ายังเข็นเรื่องนี้เข้าสภา วันนั้นจะเป็นวันเปลี่ยนนายกฯ เพราะวันนี้จะเห็นได้ว่าพรรคร่วม ส.ส.หลายท่านออกมาโจมตีเรื่องเงินดิจิทัล ว่าไม่เห็นด้วย แล้วจะให้ ส.ส.โหวตผ่านกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งมีโอกาสขัด รธน. แล้วตัว ส.ส.เขารู้อยู่แล้วว่าโหวตไปแล้วติดคุก หรือโหวตไปมีคนร้องให้หลุด ส.ส. เขาไม่โหวตครับ พอไม่โหวต ก็จะเป็นการเปลี่ยนนายกฯ เพราะหากกฎหมายนี้ไม่ผ่าน นายกฯ ต้องรับผิดชอบ นี่แหละสิ่งที่ผมพูดว่า นายกฯจะเดินหน้าลำบาก ถอยหลังก็ลำบาก” นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า หากนำ พรบ.เงินกู้ 5 แสนล้าน เข้าสู่สภา เหนือสิ่งอื่นใดอาจจะเป็นลมอาคเนย์ ที่จะมาถึงเดือนมกราคมนี้หรือไม่ ?? เพราะวันที่ 15 ที่ผ่านมาลมอาคเนย์ก็ยังไม่มี เพราะมีบุคคล จุดธูปไหว้เทวดาชั้น 14 อยู่ เพื่อไม่ให้ลมเกิด แต่มั่นใจว่าใน ฤดูหนาวจะต้องมีลมอาคเนย์แน่ ขอให้พ่อแม่พี่น้องอดใจรออีกนิด แล้วจะเห็นว่าตอนลมอาคเนย์เกิดขึ้น ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนทั้งนายกฯ และถือเป็นการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองของประเทศไทยอีกครั้งนึง ถึงวันนั้นลุงมาแน่.