เดือดพล่าน! รัฐสภาถก โหวตนายกฯ “ชาดา” เปิดหัวซักคุณสมบัติ “พิธา” จัดหนักปมแก้ม.112

บู๊ล้างผลาญ!‘ชาดา’เปิดหัวซักคุณสมบัติ‘พิธา’เดือดพล่าน จัดหนักลากไส้ ว่าด้วยเรื่อง‘แก้ไข-ยกเลิกมาตรา112’ ถามตรงๆแมนๆถ้าหลุดมาคำเดียวว่าจะไม่ยุ่ง จะโหวตให้ แล้ว‘ไม่ร่วมรัฐบาล’ด้วย ลั่นยอมเป็นโจรปกป้องสถาบัน-บ้านเมือง ถ้าทำวุ่นวายเมื่อไร เจอกันพร้อมทำภารกิจปกป้อง

วันที่ 13 ก.ค.2566 เวลา 10.00 น.การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา272 หลังจากที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทน8พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกฯ คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีผู้แสดงตนเป็นองค์ประชุม 302คน และมีผู้รับรองถูกต้องแล้วนั้น ประธานรัฐสภา ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าจะมีผู้ใดเสนอชื่อบุคคลอื่นที่สมควรได้รับการโหวตเลือกนายกฯนอกจากนายพิธาหรือไม่ แต่ปรากฎว่าไม่มีผู้ใดเสนอ จึงถือว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ มีเพียงหนึ่งเดียวคือนายพิธา

จากนั้นได้เข้าสู่วาระการเปิดให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯคือนายพิธา โดยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรก โดยอ่านแถลงการณ์จุดยืนของพรรคภูมิใจไทยที่ออกมาเมื่อวันที่17พ.ค.ที่ผ่านมา สรุปว่า พรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุน นายกฯที่มาจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไข หรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 และขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่แสดงเจตจำนงค์ตั้งรัฐบาลแสดงจุดยืนทางการเมืองของตนต่อกรณีแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา112

“แถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทยได้ระบุชัดเจนว่าถ้าพรรคการเมืองที่มีก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างมีคุณภาพ และจะคัดค้านการแก้ไขมาตรา112อย่างเต็มที่ และพรรคภูมิใจไทยไม่มีนโยบายสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยกับพวกท่าน เพราะเราเคารพมติประชาชน และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” นายชาดา กล่าว

นายชาดา กล่าวต่อว่า นอกจาก7พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่ประกาศไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา112 และไม่นำไปบรรจุในเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาล แต่นายพิธา ที่เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯในวันนี้ เป็นคนเดียวที่ยืนยันว่า จะแก้ไขมาตรา112 โดยให้ส.ส.ของพรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอร่างกฎหมายเอง นอกจากนี้นายพิธา ยังให้สัมภาษณ์กับสื่อทั้งในและต่างประเทศ ว่าพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงจากประชาชน14ล้านคน เราชัดเจนโปร่งใสว่านี่เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เราต้องการผลักดัน

“นายพิธา อ้างว่าต้องทำเพื่อรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเจตนาดี ขอเรียนตรงๆว่าผมและพรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อ เพราะพฤติกรรมต่างๆที่ผ่านมา ทำให้เราเห็นชัดเจน ผมอยากถามว่าอีก7พรรคร่วมจะว่าไง ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ในข้อตกลงร่วมเอ็มโอยูไม่มีก็จริง ท่านอ้าง14ล้านเสียงที่เห็นด้วยกับท่านที่จะให้แก้ไขมาตรา112 แต่ผมเชื่อว่าคนที่ลงให้ท่าน14ล้านเสียงไม่คิดว่าท่านกำลังแก้กฎหมายให้สถาบันฯไม่เป็นสถาบันหลัก ไม่ใช่ความมั่นคงของชาติอีกต่อไป ถ้าท่านอ้าง14ล้านเสียง หลายคนก็พูดถึงอีก25ล้านเสียงที่ไม่ได้เลือกท่านเช่นกัน” นายชาดา กล่าว

นายชาดา เริ่มกล่าวอย่างมีอารมณ์ดุเดือดว่า ท่านต้องเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่14ล้านคน ไม่ใช่เป็นนายกฯ หรือ เป็นรัฐบาลของพรรคใดพรรคหนึ่ง อย่าหลงระเริงคำว่า14ล้านเสียง เพรามันไม่ถึง20เปอร์เซ็นต์ มันไม่ใช่เรื่องชี้ขาดของประเทศนี้ ปัญหาคือความมั่นคงของชาติ ถ้าจะอ้างแบบนี้มันก็ลำบาก ที่นายพิธา บอกว่าแค่แก้ไขไม่ใช่ยกเลิก แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องยกเลิก แต่ตนจะบอกว่าสิ่งที่ท่านนำเสนอไม่ใช่การแก้ไข เป็นการยกเลิกมาตรา112

“สิ่งที่ท่านทำและแสดงอาการต่อสาธารณชนมาตลอด คือจุดยืนสำคัญของพรรคก้าวไกลคือการสนับสนุนส่งเสริมให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายท่านเคยถูกดำเนินคดีมาตรา112 ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายท่านใช้ตำแหน่งประกันผู้ที่ถูกคดีมาตรา112 ผู้ที่หมิ่นหรือถูกดำเนินคดีในคดีนี้จะได้รับการสนับสนุน และอุ้มชูจากพรรคก้าวไกล แต่ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน” นายชาดา กล่าว

นายชาดา กล่าวอีกว่า ตนไม่ทราบว่าพรรคก้าวไกลมองพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาทเช่นไร เพราะสิ่งที่ท่านเสนอมาตั้งแต่สภาฯชุดที่แล้วมันคือการยกเลิก ตนและพรรคภูมิใจไทย ไม่เชื่อว่าท่านจะปกป้องสถาบันฯไม่ให้ถูกละเมิดในเมื่อลดการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ และลดโทษผู้ที่ละเมิดสถาบันฯ รวมถึงไม่เอาผิดไม่ลงโทษผู้ละเมิดฯ ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ที่เจ็บปวด และรับไม่ได้กว่านั้น คือมีคำพูดของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล บอกว่าถ้านายพิธา เป็นนายกฯ จะรีบให้ไปลงสัตยาบันในกฎหมายกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งมีสาระสำคัญคือสามารถฟ้องผู้เป็นประมุขของรัฐ หมายถึงคนนอกประเทศฟ้องสถาบันฯได้ ตนคงทำใจไม่ได้ ลองหลับตานึกดู พระมหากษัตริย์ ไปถูกฝรั่งสอบสวน มันเป็นเรื่องน่ากลัว และอันตราย ถามว่าทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น

นายชาดา กล่าวว่า พวกท่านคิดหรือไม่ว่าการแก้ไขมาตรา112 บ้านเมืองนี้จะสงบ บ้านเมืองจะเจริญ วันนี้ท่านได้รับเลือกตั้งมาแล้ว ท่านเก็บเรื่องนี้ไว้ในกระเป๋าไม่ได้หรือ ประเทศนี้ถ้าแก้ไขมาตรา12 ไม่ได้ แล้วมันจะล่มจมตนไม่ว่าเลย ท่านเสนอนโยบาย 200-300 ข้อ เป็นความหวังของประชาชนที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง ท่านละไว้เพียงเรื่องเดียว ท่านไม่ต้องด่าส.ว. ด่าฝ่ายตรงข้าม ท่านได้เป็นนายกฯ แน่ถ้าไม่มีมาตรา 112 แต่ท่านยังไม่ยอมเลย

นายชาดา กล่าวว่า ตนอยากถามว่าอดีตพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคก้าวไกล เกิดมาเพื่อแก้ไขมาตรา 112 อย่างเดียวหรือ ถ้าไม่แก้แล้วประเทศมันจะล่มจมหรือ มันไม่ใช่ มันมีเรื่องอื่นที่จะแก้ โดยเฉพาะเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯทำแล้วไม่ดี ที่พวกท่านเคยด่า แล้วตนเห็นด้วยมีเยอะแยะไปหมด เช่น เรื่องความเดือดร้อนประชาชน แต่นี่ทำให้ตนเข้าใจว่าพรรคก้าวไกลเกิดมาเพื่อล้มล้างหรือ

“ท่านไม่ยอมอะไรเลย กูจะต้องถือ112 ไว้ในกระเป๋า กูต้องทำลาย ท่านไม่ต้องชี้ที่ส.ว. ไม่ต้องชี้ฝั่งนี้ ชี้ที่ตัวท่านเอง ถ้าท่านหลุดคำนี้คำเดียวว่า จะไม่ยุ่งมาตรา 112 พรรคภูมิใจไทยจะโหวตให้ท่าน และไม่ร่วมรัฐบาลด้วย แต่ถ้าการแก้มาตรา112 ยังเป็นพันธกิจของท่าน ผมและพรรคภูมิใจไทยก็จะมีพันธกิจของเราเหมือนกันที่จะต้องคัดค้านท่านทุกวินาที ทุกทาง ทุกอย่างตราบที่ยังมีชีวิต สังคมกำลังมอง ทำไมท่านไม่ดูตัวเองบาง ทำไมไม่หยุด ไม่ลดลง” นายชาดา กล่าว

ทั้งนี้ตนก็ เลือกตั้งมาเหมือนกัน ถามว่าถ้าไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตย แล้วเป็นฝั่งไหน ฝั่งโจรหรือ เป็นโจรก็ยอม แต่เป็นโจรที่รักชาติ รักสถาบัน เป็นโจรที่ปกป้องสถาบันแล้วปกป้องบ้านเมืองนี้ด้วยหัวใจด้วยเลือดเนื้อของตน บรรพบุรุษตนเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร วันนี้ตนมาเป็นผู้แทนอยู่ดีกินดีกว่าคนไทยเป็น ล้านคน แล้วถ้าผมไม่สำนึกกตัญญูรู้คุณต่อแผ่นดินนี้ ผมก็ไม่สมควรจะเป็นคน บ้านเรามีเจ้าของ สิ่งที่บรรพบุรุษผ่านมามากมายเหลือเกิน อย่าลืมว่าเรามาอาศัยเขาอยู่ มาขอเขาอยู่ แต่อยู่ไปอยู่มาลูกหลานกลับจะมาไล่เจ้าของบ้าน

“ประเทศนี้ถ้าไม่มีสถาบันฯ ลุงตู่กับลุงป้อมไม่กลับบ้านง่ายๆแน่ มีแต่จะลากเอ็ม 16 มาเล่นกับพวกคุณ ซึ่งไปแล้วก็ถือว่าโชคดี หลายคนบอกอย่าพูดเยอะเดี๋ยวทัวร์ลง แต่ที่บ้านผมมีที่ 100 กว่าไร่ รับรถทัวร์ได้เยอะมากแล้วแถมมีรถทัวร์อีก 40 คันพร้อมส่งกลับ วันนี้ท่านมีส่วนที่นำปมความขัดแย้งมาสู่บ้านเมืองนี้ วันนี้ใครที่เห็นตรงข้ามโดนหมด ส.ว.โดนหนักกว่าเขาหน่อย ผมถามว่า ใครก็รักพ่อรักแม่ตัวเอง ถ้าท่านปล่อยให้คนด่า แล้วไม่มีกฎหมายคุ้มครองสถาบันฯ ยิงกันระเบิดแน่เมืองนี้ประเทศไทยจะยิงกันชิบหายวายป่วง แล้วผมจะขอออกกฎหมายใหม่ ยิงคนที่หมิ่นสถาบันแล้วไม่ติดคุกดีมั้ย วันนี้เราอยู่ได้ด้วยสถาบันฯปกปักรักษาเรามา อย่าให้ผมไปคิดเลยว่าพรรคก้าวไกล เกิดมาเพื่อล้มล้างทำไมไม่ยอมถอย วันนี้ยืนเด่น ชนทุกคนที่ขวาง มันไม่ใช่บุคลิกของผู้นำประเทศหรือผู้นำผู้บริหารประเทศ ผมก็อยากให้ตั้งรัฐบาลไวๆ จะดูซิว่าทำงานได้มั้ย เราต้องให้โอกาสกันทุกคน แต่ท่านอย่าไปจุดชนวนให้กับบ้านเมืองนี้ ผมขอด้วยความเคารพเรื่องมาตรา 112 ถ้าท่านทำอะไรวุ่นวายเมื่อไหร่ ก็ถือว่าเป็นภารกิจของผมและพรรคภูมิใจไทยที่จะต้องให้ระบบสถาบันฯ อยู่คู่กับสังคมไทยไปตลอด” นายชาดา กล่าว ทิ้งท้าย

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password