“บิ๊กป้อม” ประกาศลั่น ! พร้อมเป็นนายกฯ ชูบัตรคนจน700/เดือน ได้เป็นรัฐบาล ทำทันที
“พปชร.” คึกคัก “บิ๊กป้อม” เปิดนโยบายแรก ชูเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ 700 ต่อเดือน เกทับเพื่อไทยค่าแรง 600 บาท ลั่นพร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ลั่นถ้าประชาชนเลือกให้เป็นนายกฯ ก็เป็น
วันที่ 17 ม.ค. เวลา 14.30 น. บรรยากาศที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะแถลงเปิดนโยบายของพรรคเพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดารัฐมนตรีของพรรคเดินทางมาเกือบทั้งหมด ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เช่นเดียวกับกรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ส.ส.รวมถึงว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค ที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ขณะที่บริเวณด้านหน้าที่ทำการพรรคและโดยรอบพรรค ได้ติดป้ายสโลแกน และป้ายนโยบายบัตรประชาชน เพิ่มเงิน เพิ่มสวัสดิการ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จำนวนมาก (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปลุกผีประชานิยม! พปชร.ผุดเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ 700 ต่อเดือน เกทับเพื่อไทย)
จากนั้นเวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดนโยบายแรกของพรรค คือ นโยบายบัตรประชารัฐ เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยมีคณะผู้บริหารพรรค ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียง โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จากการที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศมาเกือบ 4 ปี ด้วยอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ เป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพไร้ความขัดแย้งสังคมสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในช่วงที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้รับตอบรับจากพี่น้องประชาชน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายของพรรค ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และอื่น ๆ ที่มากมาย
“ความหวังของคนไทย ที่รอคอยให้คนที่มีความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทยคือ สังคมไทยยังคงมีแตกแยกทางความคิด แต่ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคี โดยเราพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน”โดยประเทศไทยของเราต้องมีแต่ความสงบสุข” พล.อ.ประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึง ตนขอนำเสนอบุคลากรของพรรคที่มีคุณภาพ และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างถ่องแท้ เพราะเราเข้าใจว่าในความต้องการของแต่ละพื้นที่ และพร้อมอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน โดยทางพรรคพร้อมสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ได้ทำไว้ และริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ให้คนไทยได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตอบสนองและแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทุกพื้นที่ทุกเพศทุกวัย ด้วยคำว่า พลัง สามัคคี ประชามีสุข รัฐพลิกโฉมบริการ
พล.อ.ประวิตร ยังได้ประกาศว่า พร้อมเดินหน้าการจัดทำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ให้กับประชาชน และพร้อมเริ่มมีผลทันที หลังจากที่พรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ในส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐ จะนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 2566 หลังจากได้รับเลือกตั้ง ทั้งนี้ หากมีผู้ได้รับสิทธิ์ ประมาณ 18 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท
“เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ ได้ดูแลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นเงิน 200-300 บาท/เดือน ด้วยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ยังไม่ครอบคลุมค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พรรคได้มีการประเมิน จากการลงพื้นที่ ของส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร พบว่าเงินที่ช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่แตกต่างกัน ดังนั้นเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับสิทธิว่า ที่นำไปใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในการซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น ทำให้ประเมินว่า ควรมีการเพิ่มเงินช่วยเหลือ อีกประมาณ 500 บาท ทำให้พี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าเงินที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมในทุกด้าน สอดรับกับการจัดสรรงบประมาณที่ช่วยเหลือประชาชนเพิ่มขึ้น”พล.อ.ประวิตร กล่าว และว่า
สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกและคุณสมบัติผู้รับสิทธิยังคงยึดกรอบเดิมเป็นหลัก คือ รายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท และนำคนที่เคยได้รับสิทธิตามบัตรมาพิจารณา โดยจะเริ่มจากเดือนละ 700 บาท ทันทีหลังจากที่พรรคได้รับความไว้วางใจ จากพี่น้องประชาชนให้เข้าไปบริหารประเทศ และจะมีการประเมินหลังจากได้ดำเนินการปีแรก ทั้งประโยชน์ของผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการ และการดูแลประชาชนในนโยบายด้านอื่นๆ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงนโยบายเสร็จ พล.อ.ประวิตร ได้แสดงสัญลักษณ์มือเป็นเลข 7 จากนั้น พล.อ.ประวิตร และรัฐมนตรีของพรรค ผู้บริหารของพรรค ได้ถ่ายภาพร่วมกัน โดยร่วมกันแสดงสัญลักษณ์มือเป็นเลข 7 เพื่อสื่อถึงนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท และได้มีการชูมือร่วมกันถ่ายภาพ
ต่อมา พล.อ.ประวิตรและผู้บริหารพรรค ได้ร่วมกันเปิดที่มาของนโยบาย โดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค กล่าวว่า พปชร.ได้ดำเนินการในเรื่องนโยบายบัตรประชารัฐมาเกือบ 4 ปีแล้ว เป็นบัตรช่วยเหลือประชาชนในระดับฐานราก กลุ่มเปราะบาง มีผู้ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากบัตรประชารัฐ 14.6 ล้านคน หลังจากนั้นผู้ที่ได้รับบัตรประชารัฐมีความกินดีอยู่ดีจนถึงปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ดี หัวหน้าพรรค พปชร.เห็นว่า เงิน 200/300 บาท ที่ให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง และผู้มีรายได้น้อยนั้นน้อยเกินไป จึงดำริว่านโยบายของ พปชร.อันดับแรกที่จะเปิดต่อสื่อมวลชนและประชาชนคือ นโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท โดย พปชร.จะทำทันทีเมื่อ พปชร.เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตรได้เป็นนายกฯคนที่ 30 ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวจะเป็นนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ให้เกิดความเสมอภาคและเพิ่มการแข่งขัน ช่วยเหลือเยียวยาให้ปลอดจากความลำบากระดับหนึ่ง และหลังจากนี้จะมีนโยบายสำคัญที่ดูแลประชาชน พัฒนาบ้านเมือง เพิ่มศักยภาพแข่งขันออกมาต่อไป
ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร.. กล่าวว่า คำขวัญของ พปชร.คือ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ เริ่มต้นคือการเพิ่มเงิน 700 บาท ซึ่ง พปชร.จะสานต่อนโยบายเดิม นโยบายนี้เวลาไปพื้นที่ ประชาชนมักจะถามว่าได้เมื่อไหร่ เรายืนยันว่าหลังเลือกตั้ง พ.ค. แล้ว จากนั้น มิ.ย.ท่านจะได้ใช้เลยทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม นโยบายยังไม่หมด เราจะเปิดไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามได้สอบถาม พล.อ.ประวิตรว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมที่จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็เลือกมาดิ ถ้าเลือกได้ก็เป็น ถ้าประชาชนเลือกได้ให้ผมเป็นผมก็เป็น” ทันทีที่สิ้นคำตอบบรรดาแกนนำพรรคต่างส่งเสียงเฮกันดังลั่นห้อง และ ต่อข้อถามว่า พร้อมจับมือกับทุกพรรคการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราก้าวข้ามความขัดแย้ง ตนไม่ได้บอกว่า ตนจะจับมือกับใครเลย ทุกพรรคเรามาคุยกันได้ เปิดโอกาสให้คุยกันได้.