“พีระพันธุ์” ถก”สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย”แก้อุปสรรคธุรกิจ ขอโอกาสเข้าสภาฯ”ปลดล็อก” กฎหมาย

“พีระพันธุ์” ควง “ดวงฤทธิ์” ประชุมร่วมกับผู้บริหารสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย รับฟังปัญหาอุปสรรค การดำเนินธุรกิจ พบผู้ประกอบการขาดโอกาสและไม่เท่าเทียมกลุ่มทุนใหญ่ มีปัญหาเข้าไม่ถึงแหล่งทุน ชี้ “รวมไทยสร้างชาติ” ร่างกฎหมายช่วยไว้แล้วหลายฉบับ รอเพียงได้โอกาสเสนอสภาฯ ทำได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาเขียนใหม่

วันที่ 3 ก.ย.2565 ที่ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย (The Federation Thai SME) ถนนประชาชื่น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย รศ.พิเศษ ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง กรรมการบริหารพรรค เดินทางไปร่วมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยมี นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และผู้บริหารสมาพันธ์ ร่วมประชุมพูดคุยและบรรยายให้ข้อมูล

นายแสงชัย กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นธุรกิจเอสเอ็มอี ประสบปัญหามากมายแม้ว่าจะเคยมีการสนับสนุนจากทางภาครัฐ แต่ส่วนใหญ่เป็นการช่วยเหลือแบบไม่ยั่งยืน ทำให้ต้องดิ้นรนกันเอง หลายปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะการเข้าไม่ถึงการสนับสนุนของภาครัฐจนกลายเป็นความเหลื่อมล้ำ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจใหญ่มีโอกาสและช่องทางในการดำเนินธุรกิจมากกว่า สิ่งที่สมาพันธ์ฯ ได้รับข้อร้องเรียนจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีหลายประเด็น หลักๆ คือ การเข้าถึงแหล่งทุนในการประกอบธุรกิจ มีข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคทำให้ไม่สามารถเข้ากฎเกณฑ์ของธนาคาร หรือกองทุนต่างๆ จนต้องหันไปใช้หนี้นอกระบบ กลายเป็นภาระที่ไม่สามารถรับได้ ส่งผลมาถึงเรื่องความสามารถของการชำระหนี้ และยิ่งเมื่อได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในช่วงโรคโควิด 19 หรือ ปัจจัยเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ก็ยิ่งซ้ำเติมผู้ประกอบการมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีประเด็นปัญหาอื่นๆ อีก อาทิ ขาดโอกาสทำพลังงานทางเลือกอื่นๆ แทนการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล ซึ่งปัจจุบันโอกาสส่วนใหญ่อยู่ที่ทุนขนาดใหญ่เท่านั้น ขอให้เพิ่มการส่งเสริมนวตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเอสเอ็มอี ให้มีโอกาสเติบโตในตลาดโลก โดยหน่วยงานด้านการพัฒนา และหน่วยงานทางการเงินควรทำงานร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกกับเอสเอ็มอี รวมทั้งควรมีการปรับปรุงกฎหมาย ลดข้อจำกัดต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และขอให้พิจารณาอัตราภาษีที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างทุนขนาดใหญ่และเอสเอ็มอี เป็นต้น

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในการมาร่วมพูดคุยกับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในวันนี้ เพราะต้องการรับทราบข้อมูล ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งได้รับทราบข้อมูลหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ ตนจะได้นำกลับไปเร่งหาแนวทางในการให้การทำงานเพื่อช่วยเหลือแก้ไข ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถยืนหยัดทำธุรกิจไปได้ ซึ่งจากที่ฟังข้อมูลก็พบว่าประเด็นปัญหาสำคัญส่วนหนึ่งอยู่ที่เรื่องของข้อจำกัดหลายอย่างที่เกิดจากเงื่อนไขทางกฎหมาย ที่มีกฎเกณฑ์ไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ รวมไปถึงความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันระหว่างกลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่ กับกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ตรงกับแนวทางการทำงานของพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่แล้ว ที่มุ่งหวังจะแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ชัดเจนต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

“ทุกอย่างอยู่ที่กฎหมาย เพราะทุกประเทศในโลกในระบอบประชาธิปไตยต้องใช้กฎหมาย และกฎหมายคือตัวที่จะทำให้ประเทศเจริญหรือไม่เจริญ ไม่ใช่ผมเป็นนักกฎหมายแล้วบ้ากฎหมาย แต่ผมเห็นแบบนั้นจริงๆ เพราะว่านักเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจ ต่างๆ ที่คิดอะไรขึ้นมา แต่สุดท้ายถ้ากฎหมายไม่แก้ให้ตามที่คิดก็ทำไม่ได้ หรือถ้าแก้มาไม่ตรงกับตามที่คิด ก็ผิดอีก ทุกอย่างต้องบริหารให้ตรงกับกฎเกณฑ์กติกา ผมเชื่อว่าถ้าเราปลดล็อกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคหลายอย่าง จะทำให้สังคม กิจการต่างๆ ไปได้ดี สำคัญคือคนเขียนกฎหมายต้องเข้าใจ และต้องไม่เขียนกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่ต้องเขียนเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ตนเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในตลอดช่วงเวลาที่ทำงานมากว่า 30 ปี จนถึงวันนี้ที่ได้มาทำพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคก็มีแนวทางที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาของสังคมทุกเรื่อง ตั้งแต่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ชาวบ้านธรรมดา และผู้ด้อยโอกาสอื่นๆ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงในสังคม ซึ่งตอนนี้ทางพรรคเองได้ทำงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการร่างกฎหมาย และปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ หลายกฎหมายได้ร่างเสร็จ ความตั้งใจของพรรคคือพร้อมที่จะเสนอกฎหมายเข้าสภาทันที ไม่ต้องรอการเขียนกฎหมายอีกรอเพียงการมีโอกาสเสนอเข้าไปรับรองในสภาฯ เท่านั้น

“ผมเชื่อว่า ทุกอย่างในบ้านเมืองเราปลดล็อกได้ด้วยกฎหมาย เพราะฉะนั้นผมจะรับแนวทางข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบเพื่อที่จะให้กลุ่มเอสเอ็มอีมีโอกาสเติบโต และเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยพัฒนาประเทศให้เติบโตต่อไปได้ อย่างที่ผมบอกว่าผมไม่เชื่อในการเป็นที่หนึ่งในประเทศไทยคนเดียว แต่ผมอยากให้ทุกคนเป็นที่หนึ่งได้อย่างเท่าเทียมกัน” นายพีระพันธุ์ กล่าว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password