สู้เกม ‘บ้านใหญ่’ : 40% เธอจะเลือกใคร???

การเลือกตั้ง 2569 ไม่ได้ตัดสินกันด้วยกระแสเพียงอย่างเดียว เมื่อ “บ้านใหญ่” ไม่ตัดคะแนนกันเองอีกแล้ว เดาได้ไม่ยาก! 60% ของกลุ่มนี้ “จะเลือกใคร?” แต่ที่ต้องวัดใจ คืออีก 40% ในกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจ นี่คือ “ศึกชี้ขาดจริง!” ที่ต้องวัดใจคนไทย…เธอจะเลือกใคร???
การเมืองไทย…ได้เดินเข้าสู่ “โหมดเลือกตั้ง” อย่างเป็นทางการ หลังจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนด “ไทม์ไลน์” พร้อมกับ “เคาะ” วันเลือกตั้งจริง! ออกมาแล้ว…
ดีเดีย์…วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 คือ…วันเลือกตั้งทั่วไป
ส่วน รายละเอียดของกระบวนการเลือกตั้ง ตั้งแต่…การรับสมัคร, การลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า ฯลฯ ไปจนถึงวันประกาศผลอย่างเป็นทางการ
ทุกอย่างมันก็ชัดเจน! หากบ้านเมืองไทยไม่ประสบปัญหา “ไฟไหม้สำเพ็ง” ขึ้นมาเสียก่อน!!??
ภาพการเมืองที่ปรากฏในช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” นี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพของ การเตรียมการตามกฎหมาย แต่คือ ภาพของการ “จัดวางเกม” ทางการเมืองอย่างเข้มข้น! ของพรรคใหญ่ทุกพรรค
หากมองให้ “ลึก!” กว่าข่าวรายวัน จะเห็นว่า…การเลือกตั้งครั้งนี้ แตกต่างจากครั้งก่อนอย่างมีนัยสำคัญ???
โดยเฉพาะเมื่อ “สนามการเมือง” ถูกแบ่งออกอย่างชัดเจนเป็น 2 กลุ่มใหญ่ อ้างอิงจากโพลของหลาย ๆ สำนัก
กลุ่มแรกคือ คนไทยราว 60% ที่ตัดสินใจเลือกแล้ว
และ กลุ่มที่ 2 คือ อีกประมาณ 40% ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรค หรือเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
พรรคการเมืองที่จะดึงคะแนนจากคนใน 2 กลุ่มนี้ จำเป็นจะต้องวางกลยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
ในกลุ่ม 60% ที่ตัดสินใจเลือกแล้ว นี่คือ สนามของโครงสร้าง, เครือข่าย และความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ ซึ่งไม่สะท้อนในโพล แต่สะท้อนในจำนวน ส.ส. เขตอย่างตรงไปตรงมา
และในสนามนี้ พรรคภูมิใจไทย…อยู่ในจุดที่กำลังได้เปรียบอย่างชัดเจน จากการ “ไหล” มารวมตัวของ… “กลุ่มบ้านใหญ่” จากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ความแตกต่างสำคัญของการเลือกตั้งในครั้งนี้ คือ “บ้านใหญ่” ไม่ได้แข่งกันเองเหมือนในอดีต
แต่กลับรวมกลุ่มและจัดสรรเขตลงสมัครอย่างเป็นระบบ ลดการทับซ้อน และลดการตัดคะแนนภายในฝ่ายเดียวกัน
การเลือกตั้งครั้งก่อน พรรคก้าวไกล (ปัจจุบัน คือ พรรคประชาชน) สามารถคว้า “เก้าอี้” ส.ส. เขต จำนวนมากได้ ส่วนหนึ่ง…ไม่ใช่เพราะครองฐานเสียงในพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จ แต่เพราะ “บ้านใหญ่” จากหลายพรรคลงแข่งกันเอง ทำให้คะแนนแตกเป็นหลายกอง เปิดช่องให้…พรรคกระแส ชนะด้วยคะแนนนำไม่มากนัก
แต่การเลือกตั้งในครั้งใหม่นี้ สมการดังกล่าวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!!! เมื่อ “บ้านใหญ่” เรียนรู้จาก…บทเรียนครั้งก่อน และเลือกที่จะ “ไม่ตัดคะแนน” กันเอง อีกต่อไป
โอกาสชนะ! ในหลายเขต…จึงเปิดกว้างขึ้นทันที โดยไม่จำเป็นต้อง “เพิ่มคะแนนใหม่” จำนวนมาก
ในบริบทนี้ พรรคภูมิใจไทย..จึงครองความได้เปรียบเชิงโครงสร้างในกลุ่มผู้มีสิทธิที่ตัดสินใจเลือกแล้ว และมีโอกาสกวาดเก้าอี้ ส.ส. เขตได้มากกว่าพรรคอื่น หากเกมโครงสร้างเดินไปตามที่วางไว้
ขณะที่ พรรคเพื่อไทย ยังคงรักษาฐานเสียงดั้งเดิมไว้ได้ในหลายพื้นที่ แต่ต้องเผชิญการแข่งขันเชิงพื้นที่ที่เข้มข้นขึ้น
ส่วน พรรคประชาชน ซึ่งสืบทอดฐานเสียงจาก…พรรคก้าวไกล ยังคงแข็งแรงในเมืองใหญ่ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่ต้องเผชิญโจทย์ที่ยากขึ้น! ในเขตที่การแข่งขันไม่แตกเหมือนเดิมอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม การได้เปรียบในกลุ่ม 60% ไม่ได้ “การันตี” ชัยชนะทั้งกระดาน??? เพราะศึกชี้ขาดจริง! ยังอยู่ที่อีก 40% ของคนไทยที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร
กลุ่มนี้ คือ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ได้ยึดโยงกับพรรคใดเป็นพิเศษ แต่จะตัดสินใจจาก ความมั่นใจ, ความเสถียร และความรู้สึกว่า “เลือกแล้วประเทศจะไปต่อได้โดยไม่เสี่ยง” มากกว่าความผูกพันเชิงอุดมการณ์
สนาม 40% จึงเป็นสนามของการ “วางหมาก” ทางการเมืองอย่างแท้จริง! ตั้งแต่…การจัดตัว “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”, การสื่อสาร “ภาพลักษณ์ผู้นำ”, การนำเสนอนโยบายที่จับต้องได้ ฯลฯ ไปจนถึง…การลดความกังวลของคนกลางทางการเมือง
พรรคเพื่อไทย เพิ่งประกาศ “เปิดตัว” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน เพื่อสื่อสารกับคนหลายกลุ่มพร้อมกัน
พรรคภูมิใจไทย พยายามตอกย้ำ! ภาพความมั่นคงและความต่อเนื่อง
ขณะที่ พรรคประชาชน กำลังเร่งสร้าง ภาพความพร้อมในการบริหารประเทศ ไม่ใช่เพียงพรรคตรวจสอบ หรือพรรคกระแส
ในสนามนี้ โพลมีความหมายอย่างมาก??? “การสื่อสาร” มีน้ำหนัก และ “ภาพลักษณ์…ผู้นำ” มีผลโดยตรง
พรรคใดที่สามารถจะเชื่อมความมั่นคง เข้ากับความหวังใหม่ ได้อย่างลงตัว พรรคนั้น…จะเป็น “ผู้ได้เปรียบ” เพราะ 40% นี้ ยังควเปิดกว้าง และยังไม่มีใครครอบครองได้ล่วงหน้า
ดังนั้น การเลือกตั้ง 2569 จึงไม่ใช่ “ศึกวัดกระแส” ฝ่ายเดียว? และไม่ใช่ “ศึกวัดฐานเสียง” แบบเดิม?
หากแต่เป็นการเลือกตั้ง…ที่ตัดสินกันด้วยการ “อ่านสนามการเมือง” ให้ขาด!
เมื่อ 60% เป็นเกม…โครงสร้างที่ “บ้านใหญ่” ไม่ตัดคะแนนกันเองอีกแล้ว ขณะที่ 40% เป็นเกม…วางหมากเพื่อชนะใจคนที่ยังไม่เลือกใคร?
ชัยชนะสุดท้าย! จึงอาจไม่ได้อยู่กับพรรคที่ส่งเสียงได้ดังที่สุด! แต่อยู่ที่พรรคที่จัดการ “เกมเลือกตั้ง” ได้ครบทุกมิติ!
และต้อง เข้าใจพฤติกรรมของ “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” ในจังหวะ “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ของการเมืองไทยมากที่สุด!
เธอ (คนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง) จะใคร? ขึ้นกับว่า…ใคร? หรือพรรคการเมืองค่ายไหน? จะทำให้ “โดนใจ” คนในกลุ่ม 40% ได้มากที่สุด นั่นเอง!!!.






