กลเกมค้าน!!?? ‘เชิงระบบ VS กลวิธีโบราณ’

2 ฝ่ายค้าน…เดินหมากการเมืองต่างแนว? “เพื่อไทย” เปิดเกมรุกซักฟอกตรง ส่วน “ประชาชน” รอเวลาเชิงระบบ ด้าน “รัฐบาลอนุทิน” นิ่ง! รับแรงสั่นสะเทือน ยึดกลยุทธ์ “ความมั่นคงและเวลา” เป็นเกราะกำบัง เบื้องหลัง “ศึกซักฟอก” ครั้งนี้! อาจไม่ใช่แค่การตรวจสอบรัฐบาล แต่มันคือ…การ “ช่วงชิงพื้นที่” นำทางการเมือง ระหว่าง…ฝ่ายค้านยุคเก่าและใหม่!!??
สมรภูมิการเมืองไทย…ห้วงปลายปี 2568 อาจกำลังถูก “ขับเคลื่อน” ด้วยแรงเสียดทาน! ในแนวราบ…ของ ฝ่ายที่ควรจะร่วมมือกัน นั่นคือ… “พรรค(ไม่)ร่วมฝ่ายค้าน” ที่เคยถูกมองว่า…เป็นกลไกเดียวกันในการตรวจสอบรัฐบาล
หากแต่เวลานี้ บทบาทของ พรรคประชาชน และ พรรคเพื่อไทย ที่สังคมไทย แอบคิดในมุมกลับว่า…ต่างก็เป็น…ฝ่ายค้ำ! และฝ่ายแค้น! ของรัฐบาล ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย
เป็น…ฝ่ายค้าน 2 ขั้ว ที่มีวิธีคิด วิธีรบ และเป้าหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง!!!
การประกาศชัด! ของ พรรคเพื่อไทย ว่า “จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯอนุทินแน่นอน”กลายเป็น “จุดเริ่ม?” ของเกมรุกทางการเมืองที่อาจเขย่าทั้งรัฐสภาและความสัมพันธ์ภายในฝ่ายค้านเอง
พรรคเพื่อไทย…ในฐานะ “ฝ่ายค้าน” ขนาดใหญ่ เลือก วางหมากเร็ว! เน้นการ “ชี้เป้า!” การบริหารงานของรัฐบาลฯ ที่พวกเขามองว่า…“ล้มเหลวเชิงนโยบาย” และ “มีผลประโยชน์ทับซ้อน”
ทั้งการ…แต่งตั้งโยกย้ายเพื่อพวกพ้อง, การใช้งบประมาณ 4,000 ล้านบาทสนับสนุนการแข่งขัน MotoGP ที่ถูกวิจารณ์ว่าไม่คุ้มค่า, การบริหารจัดการน้ำที่ล้มเหลว รวมถึงการเซ็น MOU แร่หายาก???
เสี่ยง!…ต่อการกระทบอธิปไตยทางเศรษฐกิจ
ท่าทีนี้…ไม่เพียงเป็น การตรวจสอบรัฐบาล เท่านั้น แต่ยังสะท้อน กลยุทธ์เชิงรุก! ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการชิงความเป็น “ผู้นำฝ่ายค้านตัวจริง” กลับคืนมา หลังถูกมองว่า…อ่อนแรงและสูญเสียภาพลักษณ์จากการเมืองร่วมในอดีต
ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ “หัวหน้าพรรคฯคนใหม่” นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ จึงเลือกใช้ กลยุทธ์ “รุกเพื่อฟื้นศรัทธา” โดยเน้น รูปแบบเดิมๆ นั่นคือ…สร้างอารมณ์ทางการเมือง มากกว่า…เหตุผลเชิงระบบ!!!
ตรงกันข้าม…พรรคประชาชน ภายใต้การนำของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคฯ กลับเลือกเดินเกมอย่างมีจังหวะ??? โดยย้ำว่า…
“ยังไม่พบข้อมูลร้ายแรงที่สุด! ที่จะนำไปสู่การซักฟอกในตอนนี้”
พรรคประชาชน…ยังคงให้เวลา “รัฐบาลอนุทิน” ในการแก้ปัญหาสำคัญ เช่น สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ และทุนเทา แม้จะวิจารณ์ว่า…รัฐบาลทำงานช้า? แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น “ไม่ไว้วางใจ”
กลยุทธ์ของพรรคประชาชน จึงแตกต่างอย่างชัดเจน! จาก พรรคเพื่อไทย เพราะ…วางตัวเป็นฝ่ายค้าน “เชิงระบบ” ที่ต้องการรักษา…ความน่าเชื่อถือ และความต่อเนื่องของกลไกรัฐสภา
มากกว่า…การใช้การเมืองเชิงอารมณ์เพื่อสร้างแรงกระเพื่อม!!!
พรรคประชาชน จึงเดินเกมแบบ “รอจังหวะ–เก็บแรง–ดูผล” ซึ่งอาจ ดูนิ่ง! ในสายตาคนทั่วไป
แต่ในเชิงยุทธศาสตร์ สิ่งนี้ ก็คือ…การสะสมพลังและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางภาพลักษณ์ ในช่วงที่คะแนนนิยมกำลังขยับขึ้น จากผลสำรวจภาคเหนือของนิด้าโพล
อีกด้านหนึ่ง…รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน กลับเลือกใช้ “เกมนิ่งเพื่อความอยู่รอด?”
สะท้อนความชัดเจน! จากท่าทีและคำพูดล่าสุด! ของ นายกรัฐมนตรี ที่ยังคงมุ่งเน้น…นโยบายเศรษฐกิจและการปราบสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมยืนยันว่า…
รัฐบาลได้ดำเนินการ “ตัดระบบสื่อสาร” ในพื้นที่ชายแดน และทำการ ยึดทรัพย์แก๊งทุนเทา ไปแล้ว…กว่าหมื่นล้านบาท
การเลือก “ชู” ผลงานเชิงรูปธรรม เป็น “เกราะทางการเมือง” เช่นนี้ ทำให้…รัฐบาลอนุทิน สามารถจะเปลี่ยน! สนามอภิปรายไม่ไว้วางใจ จาก “สนามต่อสู้” เป็น “สนามแสดงผลงาน” ได้ในเวลาเดียวกัน
และหาก พรรคฝ่ายค้าน ยังไม่สามารถจะ “รวมพลัง” ให้เป็น…เอกภาพ ได้??? เกมนี้…อาจกลายเป็น “การต่อสู้ที่ฝ่ายรัฐบาลไม่ต้องรบเอง”
นั่นเพราะ…ฝ่ายค้านกำลังรบกันเอง! ในเชิงจุดยืนและยุทธวิธี ที่แตกต่างกัน!!!
ในเชิงกลยุทธ์! พรรคเพื่อไทย กำลังใช้ “ยุทธวิธีโบราณ” คือ การเร่งซักฟอก เพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางการเมืองและเรียกความสนใจจากมวลชน ซึ่งมี “ข้อดี” คือ สามารถสร้างกระแสระยะสั้นได้ทันที!
แต่มี “ข้อเสีย” คือ หากไม่มีข้อมูลใหม่ หรือหลักฐานแน่นหนา การอภิปรายอาจย้อนกลับมาเป็น “ดาบ 2 คม” ทำให้ถูกมองว่า…ใช้เวทีสภาเพื่อผลทางการเมือง มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน
ขณะที่ พรรคประชาชน เลือกใช้…ยุทธศาสตร์ “เชิงระบบ” กล่าวคือ…เน้นการตรวจสอบต่อเนื่อง ผ่านกลไกคณะกรรมาธิการ และการเสนอแนวทางเชิงนโยบายอย่างสม่ำเสมอ แม้จะ “ไม่เร้าใจ?” เท่าการซักฟอก…
แต่ช่วย…รักษาความน่าเชื่อถือในระยะยาว และ ตอบโจทย์ “ฐานเสียงใหม่”จาก…คนรุ่นกลางในตัวเมือง ที่อาจต้องการ…
“ฝ่ายค้านมืออาชีพ” มากกว่า “ฝ่ายค้านนักรบ”!!??
“ทีมข่าวยุทธศาสตร์” วิเคราะห์ผ่านกรอบ SWOT ทางการเมือง แล้วมองเห็นว่า…ทั้ง 2 พรรคต่างมี “จุดแข็ง” และ “จุดอ่อน” กันคนละแบบ
พรรคเพื่อไทย…ได้เปรียบด้านอารมณ์มวลชน และเครือข่ายเก่าที่แข็งแรง แต่ “ขาด” จุดยืนเชิงยุทธศาสตร์ ในยุคที่ประชาชนต้องการข้อมูลและเหตุผล มากกว่า…อารมณ์และความรู้สึก???
ขณะที่ พรรคประชาชน กลับมี “จุดแข็ง” ด้านภาพลักษณ์ความมือสะอาดและหลักของเหตุผล เพียงแต่พวกเขายัง “ขาด”…พลังทางอารมณ์ ที่จะสร้างแรงระดมทางสังคม
ส่วน “รัฐบาลอนุทิน” มีความได้เปรียบจาก “เวลาที่ฝ่ายค้าน…เสียไปกับการขิงกันเอง!” ซึ่งนั่นจะทำให้…รัฐบาล มีโอกาส “ฟื้นตัว” ทางการสื่อสารและปรับกลยุทธ์ได้ โดยไม่ต้องเผชิญกับ “แรงกดดัน” เต็มรูปแบบในสภาฯ
อย่างไรก็ตาม หากมองใน เชิงยุทธศาสตร์ชาติ แล้ว สิ่งที่น่ากังวลกว่าการซักฟอก ก็คือ “การแตกแยกของฝ่ายค้าน” เพราะในระบบประชาธิปไตย
การมี ฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ย่อมเป็น “เสาหลัก” ของการ…ตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐ แต่ หาก ฝ่ายค้านไม่สามารถประสานยุทธศาสตร์ร่วมกันได้ เกมซักฟอกอาจกลายเป็นเพียง “เวทีสื่อสารระหว่างฝ่ายค้านด้วยกันเอง” มากกว่าการตรวจสอบรัฐบาลอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน “รัฐบาลอนุทิน” เอง ก็ไม่ควรประมาท? เพราะสถานการณ์ในวันที่…พรรคที่ประชาชน ยืนตรงกันข้าม กับ พรรคเพื่อไทย มันอาจจะดูเหมือน “นิ่ง!”
แต่…แรงสะสมจากสังคมและสื่อออนไลน์ ก็อาจ “ปะทุ!” ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ???
หากเกิด “ชนวนใหม่” เช่น กรณีคอร์รัปชัน ทุนเทา หรือผลประโยชน์ “ทับซ้อน” ในนโยบายเศรษฐกิจ
ในภาพรวม…กลเกมการเมือง ในครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าแค่…ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่คือ…การปะทะกันของ “แนวคิดทางการเมือง 2 ยุค”…
ยุคเก่า…ใช้พลังมวลชนและอารมณ์เป็นอาวุธ! กับ ยุคใหม่…ที่ใช้ข้อมูลและระบบเป็นฐานคิด
ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างต้องการ “ยึดพื้นที่” ของคำว่า…“ฝ่ายค้านตัวจริง” เพื่อกำหนดทิศทางการเมืองไทยหลังปี 2569
ขณะเดียวกัน “รัฐบาลอนุทิน” ก็สามารถจะใช้ “ความแตกแยก!” นี้ เป็น “เกราะกันกระสุน!” ได้อย่างมีชั้นเชิง…
“ทีมข่าวยุทธศาสตร์” มี ข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์…ต่อทุกฝ่าย นั่นคือ…
พรรคเพื่อไทย ควรปรับจาก “กลวิธีโบราณ” มาใช้ “การตรวจสอบเชิงยุทธศาสตร์” ที่ผสานข้อมูลกับพลังมวลชน เพื่อสร้างน้ำหนักและความน่าเชื่อถือในสภา
ขณะที่ พรรคประชาชน ก็ควรรักษาความเป็น ฝ่ายค้านเชิงระบบ เอาไว้ แต่ต้อง “เติมพลัง” ทางการสื่อสารให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่า…การตรวจสอบของตนมีผลเป็นรูปธรรม
ส่วน “รัฐบาลอนุทิน” ต้องไม่ทำแค่เพียง “นิ่งเพื่อให้อยู่รอด” แต่ต้อง “นิ่งอย่างมีข้อมูล” และ ใช้ความสงบเป็นกลยุทธ์สร้างผลงานจริง ไม่ใช่เพียง…สื่อสารเชิงภาพลักษณ์
ท้ายที่สุด! “ศึกซักฟอก” ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วง ก่อนถึงห้วงกลางเดือนธันวาคม 2568 นี้ จะเป็น “ตัวชี้วัด” สำคัญ ว่า…ประเทศไทย จะได้เห็น “ฝ่ายค้านที่พัฒนาแล้ว” หรือ “การเมืองแบบเดิม” ที่หวนคืนมาใหม่?
และใครกันแน่? ที่จะเข้าใจ ศาสตร์ของเกมการเมือง…ไม่ใช่เพียงการ “เอาชนะกันในสภาฯ” แต่มันคือ…การวางหมากเพื่ออนาคตของประชาชนทั้งประเทศ.






