ติดปีก!!!

“นักบินอาสา” โครงการหัวใจติดปีก สร้างภาพจำ “นายกฯติดปีก” ผู้บินไปรับส่ง “หัวใจ” เพื่อต่อชีวิตและลมหายใจกับคนไทยอีกหลายคน สิ่งนี้…ได้คืนศักดิ์ศรี “ผู้นำที่มีหัวใจ” กลับมาอยู่ในพื้นที่การเมืองไทยอีกครั้ง! หาก “นายกฯอนุทิน” จะรักษาสมดุล ระหว่าง “หัวใจที่ให้” กับ “หัวใจที่บริหารประเทศ” สิ่งนี้…อาจนำพาประเทศไทยบินสูง! กว่าที่เคยเป็น  

ยิ่งกว่า “พยัคฆ์ติดปีก” ก็คงเป็นวลีนี้…“นายกฯติดปีก!!!” แถมเป็นการ “ติดปีก…ตรงกลางหัวใจ” ของคนไทยทั้งประเทศ

ย้อนหลังกลับไป เมื่อช่วงปลายปี 2557 หรือ 11 ปีก่อน…ยุครัฐบาล คสช. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นทั้งหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี

แนวคิดที่จะประสานความร่วมมือระหว่าง…หน่วยงานทางการแพทย์และกลุ่มนักบินจิตอาสา เพื่อทำการขนส่ง “อวัยวะผู้บริจาค” จากภูมิภาคสู่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ อย่างรวดเร็ว เกิดขึ้น…เนื่องเพราะช่วงเวลานั้น…เที่ยวบินพาณิชย์ไม่สามารถตอบโจทย์เวลาได้

ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย, ทีมแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, ศูนย์ดอนเมืองการบินพลเรือน สำนักงานการบินพลเรือน (CAAT) คือ “ต้นทาง” ของแนวคิดการจัดทำโครงการ “หัวใจติดปีก” ขึ้นมา..

และเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ขณะนั้น ถูกเว้นวรรคทางการเมือง เหมือนกับนักการเมืองคนอื่นๆ แต่ด้วยความที่เขาชื่นชอบในการบิน และมี จิตอาสา อยู่ในตัว จึงขันอาสาเข้าร่วม “โครงการหัวใจติดปีก” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา…

กับบทบาท “นักบินอาสา” กับ เครื่องบินส่วนตัว ของตัวเอง ภารกิจแรกกับโครงการนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 24 ธันวาคม 2567 ปีเดียวกับที่จัดตั้งโครงการฯ ด้วยการทำการ “ขึ้นบินเที่ยวแรก” ในภารกิจหัวใจติดปีก!!!

โดยนำหัวใจผู้บริจาคจาก จังหวัดร้อยเอ็ด มายังกรุงเทพฯ เพื่อนำมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

หลังจาก “เที่ยวบินแรก” นายอนุทิน…ได้อาสาบินช่วยเหลือต่อเนื่อง และร่วมกับแพทย์และสภากาชาดไทย จัดระบบประสานงานอย่างไม่เป็นทางการ

จนต่อมามีชื่อเรียกติดปากว่า “ภารกิจหัวใจติดปีก”

ช่วงที่การเมือง…เริ่มกับเข้าสู่ภาวะปกติ และ นายอนุทิน ดำรงตำแหน่ง “รมว.สาธารรณสุข” ในปี 2562 ยุค “รัฐบาลประยุทธ์ 2” จากการเลือกตั้งใหญ่ในปีเดียวกัน ตัวเขายังคงบทบาท “นักบินอาสา” ในภารกิจนี้ต่อเนื่อง…

แม้จะมีตำแหน่งเป็นถึง “ผู้นำประเทศ” (นายกรัฐมนตรี) นายอนุทิน ก็คงทำหน้าที่ “นักบินอาสา” ต่อไป…

วันที่ 30 กันยายน 2568 เป็น ครั้งแรก ที่ทำภารกิจ “หัวใจติดปีก” ในฐานะ…นายกรัฐมนตรี โดยปฏิบัติหน้าที่เป็น “นักบินอาสา” ในโครงการฯ บินไปกลับ “กรุงเทพฯ – เลย – กรุงเทพฯ”

ล่าสุด สดๆ ร้อนๆ วานนี้ (5 ตุลาคม) เขาได้บินไป จังหวัดอุดรธานี เพื่อรับ “หัวใจผู้บริจาคชายวัย 28 ปี” แล้วนำกลับมาผ่าตัดปลูกถ่ายที่กรุงเทพฯ โดยภารกิจนั้น ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้ร่วมเปิดทางให้การขนส่งอวัยวะเป็นไปอย่างรวดเร็ว

มีการยืนยันว่า…นี่คือ “หัวใจดวงที่ 143” ที่ได้รับการส่งผ่านโครงการนี้

ตลอด 11 ปี พบว่า…นายอนุทิน ได้ร่วมภารกิจ “หัวใจติดปีก” ในฐานะ “นักบินอาสา” รวมแล้วมากกว่า 80 เที่ยวบิน และช่วยชีวิตผู้ป่วยมากกว่า 200 คน

ในแง่…งานเพื่อสังคม “นายอนุทิน” ได้รับคำชื่นชมและคำยกย่องอย่างที่สุด! แน่นอนว่า…กับบทบาทความเป็นนักการเมือง โดยเฉพาะ บทบาทความเป็น “นายกรัฐมนตรี” ย่อมต้องถูกนำมาผูกโยงกับเรื่องการเมืองอย่างช่วยไม่ได้!!!

ยิ่งในห้วงเวลาที่ การเมืองไทย เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความเป็น “นักบินอาสา” ใน“โครงการหัวใจติดปีก” ของ นายกฯอนุทิน จึงกลายเป็น “ภาพจำ” ที่มีพลังยิ่งกว่า…การปราศรัยบนเวทีใด ๆ

ภาพเครื่องบินลำเล็ก…ที่ขึ้นบินฝ่ากลางสายฝน และลมพายุ บางครั้งก็เป็นภารกิจเร่งด่วนในยามค่ำคืน เพื่อรับ “หัวใจ” จากผู้บริจาค บินนำส่งถึงมือ “ทีมแพทย์” ภาพนี้…มิต่างจาก “การให้ชีวิต” ที่จับต้องได้

และนั่นคือ…รากฐานทาง “จิตสำนึก” ของโครงการที่ นายกฯอนุทิน เริ่มเอาไว้เมื่อ 11 ปีก่อน และได้กลายเป็นภารกิจที่ผูกโยงกับชื่อของเขาตลอดมา….

ภาพเหล่านี้ ยังได้สะท้อนความต่อเนื่องของ “การให้” ที่ไม่เพียงแต่อยู่ในฐานะของนักการเมือง แต่ยังอยู่ในฐานะ ความเป็น “เพื่อนมนุษย์” ที่เข้าใจคุณค่าของชีวิตอย่างลึกซึ้ง

เมื่อเวลาเปลี่ยนไป…ในวันที่ นายอนุทิน มีตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ภารกิจนี้…จึงถูกขนานนามในความหมายใหม่

เปลี่ยนจากการให้ชีวิต “ทีละคน” ไปสู่การให้ชีวิต “ทั้งประเทศ!!!”

หลังจากการปฏิบัติภารกิจ “นักบินอาสา” 2 ครั้งแรก ทั้งที่จังหวัดเลย และจังหวัดอุดรธานี บนสถานะ “ผู้นำรัฐบาล” โดยก่อนหน้าภารกิจครั้งที่ 2 เพียงหนึ่งวัน…นายอนุทิน ได้กล่าวกับชาวบ้าน ณ  เทศบาลตลาดนิคมปราสาท อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถือเป็น “บ้านเกิดทางการเมือง” ของพรรคภูมิใจไทย และอาจเป็นประโยคที่ สะเทือน!!! ทั้งวงการสื่อและนักวิเคราะห์การเมือง ดังคำพูดที่ว่า…

“รัฐบาลจะทำงานเต็มความสามารถ ยึดมั่นรับฟังเสียงประชาชน เพราะประชาชน คือหัวใจการทำงานของรัฐบาล”

ประโยคนี้ อาจเป็นเพียงถ้อยคำที่ใช้…สร้างขวัญกำลังใจ ในพื้นที่ฐานเสียงเดิมของพรรคภูมิใจไทย แต่เมื่อมองในเชิงยุทธศาสตร์การสื่อสาร มันกลับกลายเป็น “รหัสทางสัญลักษณ์” ที่เชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่…

สำหรับ “โครงการหัวใจติดปีก” นั้น หากจะพูดถึงในมิติของ “หัวใจ” ทั้งในบริบทของการเมือง และภารกิจทางสังคม สิ่งนี้ คือ “การสื่อสารเชิงอุปมา” ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง!!??

“หัวใจ” ในคำพูดประโยคข้างต้น หมายถึง….ประชาชน ส่วน “หัวใจ” ในภารกิจจริง คือ ชีวิตคนที่ได้รับการช่วยเหลือ

2 สิ่งนี้…สะท้อนแนวคิดเดียวกันในระดับ “จิตวิญญาณทางการเมือง” แปลความได้ว่า…“หัวใจของผู้นำ คือการให้ชีวิตกับผู้อื่น”

และนี่คือจุดที่ “โครงการหัวใจติดปีก” ได้ถูกยกระดับ! จากภารกิจ “จิตอาสา” สู่ “สัญลักษณ์ทางการเมือง” อย่างเต็มรูปแบบ!!!

มันได้กลายเป็น…เครื่องมือสื่อสารที่ไม่ต้องใช้ถ้อยคำ แต่แสดงออกด้วยการกระทำและจับต้องได้จริง!

ภาพนายกรัฐมนตรี…ที่ขับเครื่องบินด้วยตัวเอง “รับหัวใจ” ของผู้บริจาคในยามค่ำคืน แล้วบินกลับมากรุงเทพฯ ให้ทันเวลาผ่าตัด เป็นภาพที่สื่อสารถึง “การลงมือทำ” มากกว่าการพูด!!!

และในยามที่ สังคมไทยกำลังขาดความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองอย่างที่สุด กระทั่ง สร้างความสั่นคลอนให้กับนักการเมืองทุกพรรค…ทุกฝ่าย

ทว่า…การกระทำเช่นนี้ ของ “นายกฯอนุทิน” กลับได้สร้าง “พลังทางสัญลักษณ์” เอาไว้ได้สูงมาก

เพราะมัน “ทัชใจ” ของคนไทยแบบไม่รู้ตัวไปโดยปริยายและไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ อีกแล้ว

ในแง่การเมือง “หัวใจติดปีก” กำลังกลายเป็น “ทุนทางอารมณ์” (Emotional Capital) ที่ นายกฯอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย สามารถใช้ “ต่อยอด” ได้ในระยะยาว

มันไม่ใช่เพียงการสร้าง “ภาพลักษณ์” ของ “ผู้นำที่มีเมตตา” แต่มันคือการทำให้ประชาชนรู้สึกว่า… “เขาเป็นคนลงมือทำจริงๆ” ซึ่งตรงข้ามกับ “ภาพนักการเมือง” ในแบบที่ประชาชนเคยรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างที่สุด!!!

ภาพการทำงาน “จิตอาสา” โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นและความตายในชีวิตของผู้คนทั่วไป ทำให้ นายกฯอนุทิน ได้รับการยอมรับ…ในฐานะ “ผู้นำ” ที่ “ไม่เพียงแต่บริหารประเทศ แต่เข้าใจคุณค่าของมนุษย์”

สิ่งนี้…คือ ฐานความเชื่อมั่นที่ยากจะทำลายลงได้ง่ายๆ!!! เพราะมันไม่ได้มาจากคำโฆษณา แต่มาจากการกระทำที่เป็นจริง!!!

นอกจากนี้ ความต่อเนื่องของ “สัญลักษณ์หัวใจ” ยังมี…พลังทางการเมืองในเชิงยุทธศาสตร์ เพราะคำพูดที่ว่า…“ประชาชนคือหัวใจของรัฐบาล” ได้ช่วยเชื่อมต่อโดยตรง กับแนวคิด “หัวใจติดปีก” ให้กลายเป็นเรื่องเล่าทางการเมือง ที่มีโครงสร้างในตัวเอง

กล่าวคือ เมื่อ “หัวใจ” หมายถึงประชาชน รัฐบาลจึงมีหน้าที่ “ทำให้หัวใจนั้นมีชีวิต”

การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ…ไม่ว่าจะเป็น งานด้านสาธารณสุข ชุมชน หรือสิ่งแวดล้อม ฯลฯ เหล่านี้…สามารถ “ตีความ” ได้ว่าเป็น “การช่วยชีวิตประเทศ” ในมิติใหม่

นี่คือ…การสื่อสารที่สร้างสะพานเชื่อม ระหว่าง “งานเพื่อสังคม” กับ “การเมืองระดับชาติ” ได้อย่างแนบเนียนและนุ่มนวล

กระนั้น เส้นแบ่งระหว่าง “การให้จริง” กับ “การใช้ภาพลักษณ์เพื่อการเมือง” ก็ยังเป็นสิ่งที่ นายกฯอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย จำเป็นจะต้องระมัดระวังให้มาก!!!

เพราะใน สังคมที่ผู้คน…ต่างรู้สึกตื่นตัวทางการเมือง การกระทำใด ๆ ก็อาจจะถูกมองและตีความ ว่า…มีเจตนาเชิงประชาสัมพันธ์มากกว่าการอุทิศจริง

และอาจ “ส่งผลย้อนกลับ” ในเชิงลบ ได้เช่นกัน

นี่จึงเป็น จุดที่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ความต่อเนื่อง และความจริงใจ เพื่อรักษาพลังของสัญลักษณ์นี้ให้คงอยู่ต่อไป

ในอีกมุมหนึ่ง “หัวใจติดปีก” ยังสะท้อนแนวคิดเรื่อง “ภาวะผู้นำแบบลงมือ” (Action-based Leadership) ที่ต่างจาก “ผู้นำการเมืองแบบเดิม” ที่เน้นคำปราศรัย หรือการบริหารจากส่วนกลาง

ดังนั้น การที่ นายกฯอนุทิน ใช้การกระทำเป็นภาษาในการสื่อสารกับสังคม ด้วย ภาพการบิน เพื่อไปรับ “หัวใจ” แต่ละครั้ง จึงไม่ได้แค่เพียงบอกว่า “เขาช่วยชีวิตคน” แต่มันยังบอกด้วยว่า “เขาไม่กลัวที่จะลงมือทำด้วยตนเอง”

ภาพแบบนี้…อาจกลายเป็น “เครื่องมือทางการเมือง” ที่ทรงพลัง! ในยุคที่ประชาชนต้องการ “ผู้นำ” ที่เข้าใจปัญหาเชิงปฏิบัติ ไม่ใช่เพียงเชิงนโยบาย!!??

ในอนาคต…หาก “รัฐบาลอนุทิน” สามารถแปลงแนวคิด “หัวใจของประชาชน” ให้เป็น…ระบบนโยบายที่จับต้องได้ เช่น การสร้างเครือข่ายอาสาด้านสาธารณสุข การยกระดับระบบขนส่งทางการแพทย์ หรือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการให้ในระดับประเทศ

สัญลักษณ์ “หัวใจติดปีก” จะยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น!!! เพราะมันจะกลายเป็น นโยบายที่ “ต่อยอด” มาจากการกระทำจริงของ “ผู้นำ” ไม่ใช่แค่…การสร้างภาพทางอารมณ์ หรือในจิตนาการ??? ไปวันๆ…

ในที่สุด! สิ่งที่โครงการนี้ได้ดำเนินการเอาไว้ และจาก “คำพูด” ของนายกรัฐมนตรี ที่ได้ร่วมกันสื่อสารถึงสังคมไทย มันก็คงไม่ต่างไปจากแนวคิด ที่ว่า…

การเมืองไม่จำเป็นต้องอยู่ไกลจากความเป็นมนุษย์!!!

“หัวใจของรัฐบาล” ไม่ใช่เพียงคำเปรียบเปรย แต่คือ…การคืนศักดิ์ศรีของคำว่า “ผู้นำที่มีหัวใจ” ให้กลับมาอยู่ในพื้นที่การเมืองไทยอีกครั้ง

หาก นายกฯอนุทิน สามารถรักษาสมดุล ระหว่าง “หัวใจที่ให้” กับ “หัวใจที่บริหารประเทศ” ได้อย่างต่อเนื่อง ล่ะก็…

นี่อาจเป็น จุดเริ่มต้น” ของบทใหม่ทางการเมือง ที่ “หัวใจหนึ่งดวง” ทั้งที่อยู่บนเครื่องบิน และอยู่ในรัฐบาล…

อาจนำพาประเทศไทย…ได้บินสูงกว่าที่เคยเป็นมา ก็อาจเป็นได้!!!

ไหนๆ ก็ได้ชื่อว่าเป็น “นายกฯติดปีก” แล้ว…ก็ไปให้สุดขั้วหัวใจคนไทย เลยล่ะกัน!!??.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password