วิกฤต!!!

ไม่ว่า…พรรคประชาชน จะเลือกหนทางไหน? ที่สุด! ปลายทางย่อมก่อเกิดวิกฤตการเมือง จากการใช้อำนาจ “ยุบสภา” สกัดกั้น…ฝันกลางวันของใครบางคน? นำสู่การใช้กฎหมายพิเศษ ดึง “นายกฯคนกลาง” มาแทนที่!!! และวิกฤตการเมืองรอบนี้ อาจมิใช่เพียงการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของนักการเมือง แต่จะเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ของประชาธิปไตยไทย ที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจรังจัง
หลายฉากทัศน์การเมืองไทย ณ ขณะนี้ มีหลายมุม…โดยมี พรรคประชาชน ซึ่งถือครองเสียงจำนวนไม่น้อยในสภาผู้แทนราษฎร กลายเป็น “ตัวแปรหลัก” ที่ชี้ชะตาว่า…ประเทศไทยจะมี “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” จากพรรคการเมืองใด???
3 ทางเลือก คือ…อยู่เฉยๆ ไม่เลือกพรรคใดเลย, เลือกพรรคภูมิใจไทย หรือ เทคะแนนเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย
ไม่ว่าจะเลือกทางไหน? หลายคนมองว่า…พรรคประชาชน ล้วนมีส่วนที่จะสร้างปัญหาในทางการเมืองที่เกิดขึ้นตามมา
กระนั้น ลมหายใจในทางการเมือง จำเป็นจะต้องเดินต่อและเดินไปข้างหน้า…
ในห้วง “โค้งสำคัญ” ของประวัติศาสตร์การเมืองไทยยุคใหม่ ที่ พรรคประชาชน ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด! เนื่องเพราะการประชุมภายในพรรคฯ ยังเต็มไปด้วยความเห็นที่แตกต่าง
แต่ท่ามกลางแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก มีแนวโน้มสูงที่พรรคประชาชนจะหันไปสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย โดยเชื่อว่า…เป็นทางเลือกที่สามารถควบคุมได้มากกว่า และไม่ทำให้สมดุลของอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรเอนเอียงจนเกินไป
ข้อแลกเปลี่ยนที่…พรรคประชาชน ยกขึ้นต่อรอง คือ การผลักดันให้ “รัฐบาลใหม่” ต้องประกาศยุบสภา ภายใน 4 เดือน นับจากเข้าบริหารประเทศ เพื่อเปิดทางสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่
สอดคล้องกับความรู้สึกของประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ…
และหาก “ฉากทัศน์การเมือง” เป็นเช่นนี้…แน่นอนว่า พรรคเพื่อไทย ภายใต้ร่างเงาของ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ถูกมองว่าเป็น “เจ้าของพรรคตัวจริง!” คงไม่จำนน และปล่อยให้…นายอนุทิน ก้าวสู่เก้าอี้ “นายกฯลำดับที่ 32” อย่างแน่นอน…
หนทางที่พอทำได้ แม้อาจไม่ถูกหลักการแห่งข้อกฎหมาย เช่นที่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยัน…“รักษาการนายกฯ ไม่สามารถยุบสภาฯได้” ด้วยการ…ชิงประกาศยุบสภาฯ ก่อนจะมีการโหวตเลือก “นายกฯคนใหม่”
ปลายทางแห่งชะตากรรมในทางการเมืองของ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รักษาการนายกฯ ผู้ประกาศชิง “ยุบสภาฯ”จะเป็นเช่นใด? มีการฟ้องร้องดำเนินคดีมากมายตามมาหรือไม่?
จะเกิดสารพัดม็อบคัดค้าน กระจายตัวไปทั่วประเทศ กระทั่ง นำประเทศไทยเข้าสู่วิกฤตหรือเปล่า?
ภาพเหล่านี้…คงไม่เกินจินตนาการของคนไทยแน่ๆ
เพราะทันทีที่ นายภูมิธรรม ได้อาศัยอำนาจประกาศยุบสภา ภาพที่ควรจะเป็น “จุดเริ่มต้น” ของประชาธิปไตยรูปแบบใหม่ จะกลับกลายเป็น “เชื้อไฟ” แห่งความขัดแย้ง อย่างไม่ต้องสงสัย???
กระแสต่อต้านการประกาศยุบสภาฯ จะ “ปะทุ” ขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาพของผู้คนนับหมื่นนับแสนคน ก่อตัวเป็น “ม็อบ” ขึ้นมา…เพื่อประท้วงพรรคเพื่อไทย จะเกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ
กลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เริ่มส่งสัญญาณของความไม่มั่นคงของประเทศ…
กระบวนการทางกฎหมาย…ที่ควรจะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ จะแปรเปลี่ยนไปเป็นเพื่อการตีความและหยิบยกขึ้นเป็นข้อถกเถียง ทั้งเรื่องระยะเวลาในการกำหนดเลือกตั้ง อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และกฎเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ยังคงเป็นเงื่อนไขขัดขวาง สารพัดปัญหาที่จะมีตามมา…
ความซับซ้อนนี้ อาจทำให้ การเลือกตั้งที่ประชาชนคาดหวัง…ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามกำหนด!!!
ส่งผลให้ความไม่พอใจในหมู่ประชาชน ขยายตัวเป็นวงกว้าง บรรยากาศการเมืองของไทย อาจจะเข้าไปสู่ความไม่แน่นอนอีกครั้ง
เราอาจได้ยิน…เสียงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง!!! เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง…
เมื่อการเมืองไทยได้เดินเข้าสู่ “ทางตัน” รัฐบาลรักษาการคงไม่พ้นจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า…ไม่สามารถควบคุม…สถานการณ์การเมืองนอกสภาฯได้
พรรคประชาชนเอง ก็ต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก! จากทั้ง…สังคมและฐานเสียงของตัวเอง ที่ตั้งคำถามว่า…การตัดสินใจหนุนภูมิใจไทยนั้น เป็นการแก้ปัญหาหรือเพียงการสร้างปัญหาใหม่
ท่ามกลางสถานการณ์ บนท้องถนนยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น การชุมนุมขยายวงกว้าง จนบางพื้นที่อาจเกิดเหตุปะทะกัน ระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่รัฐ
ภาพเหล่านี้…จะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลรักษาการสั่นคลอนลงอย่างรวดเร็ว
กับบรรยากาศเช่นนี้ แนวคิดในการใช้ “กฎหมายพิเศษ” อาจถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นทางออกฉุกเฉิน!!!
หากหลายฝ่ายมองว่า…ประเทศกำลังเข้าสู่ “สุญญากาศทางการเมือง” ที่ไม่อาจหาข้อยุติได้จากกลไกรัฐสภาตามปกติอีกต่อไป
การสรรหาและแต่งตั้ง “นายกรัฐมนตรีคนกลาง” ที่ไม่สังกัดพรรคการเมือง อาจเริ่มถูกพูดถึงอย่างจริงจังในฐานะ “ทางออกสุดท้าย” เพื่อหยุดยั้งความวุ่นวายที่กำลังลุกลาม
แม้จะเป็น ทางเลือกที่สวนทางกับ “หลักการประชาธิปไตย” แต่เชื่อว่า…สิ่งนี้ ก็จะถูกนำเสนอขึ้นมา เพราะความเชื่อที่ว่า…ประเทศชาติไม่อาจเดินหน้าต่อไป ภายใต้ความแตกแยกที่ลุกลามในทุกมิติ
ในท่ามกลางเหตุการณ์ทำนองนี้ ย่อมต้อง สะท้อนถึงวิกฤตการเมืองไทยที่หมุนเวียนซ้ำซาก ประชาชนถูกผลักเข้าสู่ “การเลือกข้าง” โดยที่กลไกทางการเมือง…ไม่สามารถสร้างความไว้วางใจได้
การตัดสินใจของพรรคประชาชนที่จะ “เทคะแนน” ให้พรรคภูมิใจไทย แม้จะถูกมองว่า…เป็น “ยุทธศาสตร์เพื่อคุมเกม” แต่อาจเป็นการ “จุดชนวน” ให้เกิดความขัดแย้งลุกลามบานปลาย ไปสู่ระดับที่ไม่อาจควบคุมได้
ผลลัพธ์สุดท้าย ก็คือ ความเป็นไปได้ที่จะมี “นายกรัฐมนตรีคนกลาง” ขึ้นมาบริหารประเทศ ซึ่งแม้อาจเป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของการเมืองไทยที่ยังไร้เสถียรภาพ
ทิศทางการเมืองไทยนับต่อจากนี้ เชื่อว่า…เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน!!!
การเมืองไทย…กำลังอยู่ในช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ”ที่ทุกฝ่ายต่างจับตามองว่า…การประกาศ “ยุบสภา” ของนายภูมิธรรม อาจนำไปสู่..การปรับเปลี่ยนกติกาครั้งสำคัญ หรือจะกลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของวงจรวิกฤตใหม่ที่ทำให้ประเทศต้องเผชิญความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และความน่าเชื่อถือในสายตานานาชาติอีกครั้ง กันแน่???
วิกฤตการเมืองไทยรอบนี้…จึงมิใช่เพียงการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของนักการเมือง
หากแต่เป็น การทดสอบครั้งใหญ่ของประชาธิปไตยไทย ว่า…จะยังคงเดินต่อไปได้ หรือจะสะดุดล้มลง! อีกครั้งภายใต้เงื่อนไขเก่าๆ ที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง!!!.