เปลี่ยน!!??

ยุทธการเปลี่ยน! นำสู่การวางเครือข่าย…สร้างทีมเศรษฐกิจ ซีก ขรก.ประจำ “คลัง – แบงก์ชาติ – สภาพัฒน์” กลายเป็นเนื้อเดียวกัน! เดินในทิศทางแนวทางเดียวกับรัฐบาล ถึงตอนนั้น…จะพากันขึ้นสวรรค์ หรือลงนรก! ต้องลุ้น!!!
แนวคิด “ทักษิโณมิกส์” ไม่ขลัง! เหมือนเช่นอดีต รอบนี้...นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2544 – 2549 ซึ่งเคยประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของไทย หลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540
หลายโครงการ…หลายมาตรการ ที่ อดีตนายกฯทักษิณ ทำในเวลานั้น…มีส่วนสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาที่ นักการการเมืองและพรรคการเมืองเก่าๆ แก้ไขกันไม่ได้และทำไม่เป็น!!??
ผลคือ… “ทักษิโณมิกส์” ณ เวลานั้น ถูกขยายผลและกลายเป็น “ต้นแบบ” ให้ผู้นำในหลายๆ ชาติ ทั้งในและนอกอาเซียน ก๊อปปี้…เอา “นโยบายประชานิยม” ไปใช้กันอย่างแพร่หลาย
ผ่านมาเฉียด 20 ปี นายทักษิณ ในสถานะ “พ่อของนายกฯแพทองธาร” กับตำแหน่งที่เจ้าตัวตั้งเองคือ “สทร.” งัดเอามุขเก่าๆ ของ “นโยบายประชานิยม” มาใช้ เริ่มจาก…
โครงการแจกเงินหมื่น ที่หวังจะสร้าง…พายุหมุนทางเศรษฐกิจ
แต่เพราะ รัฐบาลถังแตก! โครงการนี้…จึงล่มไม่เป็นท่า!!!
ไม่เพียงทำได้แค่เสี้ยวเดียว เพราะยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง? สร้างความเสียหายทั้งต่อเครดิตและภาพลักษณ์ความสำเร็จในอดีต
หากยัง ฉุด…คะแนนนิยม ที่จะนำไปสู่คะแนนเสียงในทางการเมืองในอนาคตอันใกล้ ให้ตกต่ำดำดิ่งหนักลงไปอีก!!!
ยิ่งมีเรื่อง “คลิปเสียงหลุด Uncle ฮุน เซน” ระหว่าง…“ลูกสาว” คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ นายฮุน เซน จนถูก…แกนหลัก สว. “เอาคืน” (จากปม “ฮั้ว สว.”) ด้วยการยื่นฟ้อง ศาลรัฐธรรมนูญ โทษฐาน “ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม” จนถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี อย่างที่รู้ๆ กัน
อาการ “ไร้น้ำยา” ในแทบทุกมิติ…ทั้งในทาง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของ “รัฐบาลแพทองธาร” และ “พรรคเพื่อไทย”
สิ่งนี้…ส่งผลกระทบโดยตรงมายังตัวของนายทักษิณ…เต็มๆ
เปลี่ยน…พายุหมุนทางเศรษฐกิจ เป็น ลมบ้าหมู!!!
ยุทธการเปลี่ยน! จึงเริ่มก่อตัว…ตั้งแต่ก่อนจะมีปมพิพาทกับ นายฮุน เซน และกัมพูชา เริ่มจาก…
เปลี่ยนในทางการเมือง! กล่าวคือ ยึดคืน “กระทรวงมหาดไทย”
ตามมาด้วย…เปลี่ยนในทางเศรษฐกิจ! ไล่เปลี่ยนเก้าอี้ตัวสำคัญๆ ในซีกของฝั่งเศรษฐกิจ
เป้าหลัก…ไม่ได้มีแค่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ แต่ยังรวมถึง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ “สภาพัฒน์” ในวันที่ “ผู้บริหารระดับสูง” ของทั้ง 2 หน่วยงานกำลังจะสิ้นภาพตามวาระเงื่อนไขที่สิ้นสุดลง
แบงก์ชาติ…วางตัว “อดีตปลัดกระทรวงการคลัง” อย่าง “ดร.อู้” สมชัย สัจจพงษ์ ไปนั่ง…ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ อยู่ก่อนแล้ว
ส่วนเก้าอี้ “ผู้ว่าแบงก์ชาติ – คนใหม่” ที่จะมาแทนที่ “ดร.นก” นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนปัจจุบัน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 30 ก.ย.2568
ก็เป็นคนที่ ฝ่ายการเมือง…วางตัวไว้แล้ว
ล่าสุด ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (22 ก.ค.2568) ที่ประชุมฯมีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แต่งตั้งให้ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยธนาคารออมสิน ดำรงตำแหน่ง “ผู้ว่าแบงก์ชาติ – คนใหม่” โดยจะให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป
เหลืออีก 1 นั่น ซึ่ง นายดนุชา พิชยนันท์ (ระดับ 11) จะหมดหน้าที่ในวาระแรก 30 ก.ย.ที่จะถึงนี้ โอกาสจะได้ “ต่อตั๋วสัญญา คือ เลขาธิการสภาพัฒน์ รอบใหม่” มีค่อนข้างน้อย!!!
เป็นโอกาสที่ ข้าราชการระดับ 10 โดยเฉพาะจากฟากของกระทรวงการคลัง
“โฟกัส” ในกลุ่มคนที่น่าจะหมดโอกาส “ชิงเก้าอี้ปลัดคลัง” ในปี 2570 แทน นายลวรณ แสงสนิท เช่น ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ และ นายพชร อนันตศิลป์ ผอ.สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เป็นสำคัญ…
ทั้ง 2 คน…มิต่างจาก “ปลาคนละน้ำ” กับ “คนเป็นใหญ่” แห่งกระทรวงการคลัง
ดังนั้น หากมีโอกาส ไปใหญ่ในต่างถิ่น…ก็ไม่ควรจะปฏิเสธ!
1 ใน 2 ตัวเต็ง! ไม่ว่าจะเป็นใคร? จะถูก ขมวดรวมเป็นเครือข่ายของ นายทักษิณ เพื่อเป้าหมายในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ในลักษณะ “ไปในทิศทางเดียวกัน”
ไม่ว่า…น.ส.แพทองธาร จะรอดพ้นวิกฤติ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้หรือเปล่า? และ ว่าที่ นายกฯคนต่อไป จะใช่…แคนดิเดทฯจากพรรคเพื่อไทย (นายชัยเกษม นิติสิริ) หรือไม่?
ไม่รู้!!!
ที่รู้…คือ ต้องเร่งวางเครือข่ายในองค์กรด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ อย่าง…แบงก์ชาติ และสภาพัฒน์ เอาไว้ก่อน…
หาก การเมือง…ยังอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย ภายใต้ “สรท.” ของ…นายทักษิณ
คราวนี้แหล่ะ…กระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ และสภาพัฒน์ จะก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล!!!
จะจูงมือ…พากันขึ้นสวรรค์ หรือลงนรก ในทางเศรษฐกิจและการเมือง ก็ในยุคที่มี นายทักษิณ ทำหน้าที่ “สทร.” มิต่างจากเมื่อเกือบ 20 ปี นั่นเอง
ก็ได้แต่หวัง…หากสถานการณ์เดินไปถึงจุดนั้นจริงๆ ประเทศไทย…จะไม่มี “บิ๊ก’บัง” หรือ “ลุงตู่” กลับมาทำหน้าแบบเดิมๆ กันอีกแล้ว!!!