สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า…คะแนนนิยม

ทั่วโลก…ประนาม “รัฐบาลกัมพูชา” และ “นายฮุน เซน และครอบครัว” ที่ประเทศไทย…คนไทยส่วนใหญ่ ก็มีทัศนคติและความรู้สึกกับ…รัฐบาลและครอบครัวของชนชั้นผู้นำ แทบไม่ต่างกัน!!!

กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

คลิปหลุด! เป็นเครื่องชี้กรรม หากไม่มีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ นายฮุน เซน

ป่านนี้…คนไทย และประเทศไทย จะเสี่ยงต่อการสูญเสียอะไรกันบ้าง? ยากจะคาดเดา

การลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (6 ก.ค.2568) ของ คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ​ สภาผู้แทนราษฎร​ นำโดย “ประธาน กมธ.” นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน

ควงแขน “ผู้นำฝ่านค้านฯ” อย่าง…“หน.เท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

กับเป้าหมาย…เพื่อศึกษาการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและการบริหารกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา

จุดที่น่าสนใจ! คือ บริเวณด้านหลัง “ห้างบิ๊กซี”​ อ.อรัญประเทศ ซึ่ง ฝ่ายการเมือง…ได้รับรายงานจาก พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา ว่า…จุดนี้ มักถูกใช้เป็นช่องทางลักลอบข้ามไปพนันในฝั่งกัมพูชา บางส่วนก็ไปทำงาน

ท่ามกลางสถานการณ์ไทย-กัมพูชา แม้ทางการไทยจะ “ซีล” พื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ยังมีการลักลอบเข้าออกตลอด เจ้าหน้าที่รัฐ…จับกุมได้ทุกวัน​

“จุดนี้ปิด ก็มีการขุดดินในจุดอื่น เพื่อข้ามไปยังกัมพูชา ยอมรับว่า…พื้นที่ตรงนี้อาจจะดูแลยาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ของเอกชนรายงานที่ฝ่ายทหารแจ้งไว้ พร้อมกับยืนยันว่า…

ตามแนวชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ นอกจากจะมีการใช้ลวดหนามขึงตลอดแนว ตั้งแต่คลองลึกถึงป่าไร่ ซึ่งจะมีจุดตรวจประจำแล้ว ยังมีการตรวจตราโดยชุดลาดตระเวน และดูผ่านกล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันสารพัดปัญหา ทั้งปัญหายาเสพติด อาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์

โดย การประสานงานร่วมกับฝั่งกัมพูชา และหมู่บ้านมั่นคงตามแนวชายแดน ที่คอยแจ้งเตือนทางฝั่งไทยถึงความเคลื่อนไหวของกัมพูชา อีกทั้ง ยังมีการลาดตระเวนร่วมกันระหว่างทหารพรานของไทยกับทหารกัมพูชา และมีการตั้งจุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ตามช่องทางคมนาคมที่จะแอบลักลอบไปฝั่งกัมพูชา

เพื่อป้องกันไม่ให้มีการข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย!!!

เรื่อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ รวมถึงการค้ามนุษย์ที่มีความรุนแรง ยอมรับว่าในกัมพูชามีความรุนแรงมาก ก่อนหน้านี้เราเห็นความคืบหน้าไปบ้าง มีการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา แต่ในฝั่งกัมพูชาความคืบหน้ายังไม่น่าพึงพอใจเท่าไหร่นายรังสิมันต์ ระบุและว่า…

อย่ามองแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นแค่เรื่องการโกงเงิน เพราะยังมีปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่า นั่นคือ “การค้ามนุษย์” ซึ่งทั่วโลกให้ความสำคัญ และไทยไม่ควรปล่อยให้มีเหตุการณ์ค้ามนุษย์แบบนี้ ที่เกิดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน แม้กฎหมายไทยจะไปไม่ถึง แต่กลไกกฎหมายระหว่างประเทศที่มีอยู่ สามารถจะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยจะนำเรื่องนี้เข้าไปพูดคุยใน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ

อีกจุดที่อยู่ในฝั่งกัมพูชา และเป็นจุดสนใจของ กมธ.ชุดนี้ นั่นคือ…อาคารสูงที่มองเห็นด้วยสายตา ไม่แปลกที่ฝ่ายไทยจะมองว่าเป็น…พื้นที่ที่อาจเกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งต้องการทั้ง ไฟฟ้า น้ำมัน และสัญญาณอินเตอร์เน็ต

นายรังสิมันต์ ระบุว่า แม้เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในประเทศเดียว รัฐบาลไทยต้องชวนนานาชาติมาร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่เคยไปพูดคุยกับองค์กรตำรวจ ซึ่งพวกเขาเอง…ต่างก็ได้รับความเสียหายจากการโดนหลอก มากกว่าประเทศไทย

สิ่งที่ คนไทยส่วนใหญ่ และ ฝ่ายค้านอย่าง พรรคประชาชน เห็นตรงกัน! นั่นคือ…ทำไมรัฐบาลไทยจะสร้างกำแพงหรือรั้วกั้นแดนระหว่าง 2 ประเทศ อย่างน้อย…ทำให้จุดที่มีการแบ่งเขตแดนชัดเจนแล้ว

จุดไหนทำได้ก็ทำไปก่อน

สำหรับ โครงการ “รั้วข้ามแดน” มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว” ได้นำเสนอ เมื่อครั้งที่ น.ส.แพทองธาร เดินทางมาดูงานและร่วมประชุมกับข้าราชการประจำและกองทัพ นั้น สิ่งนี้…นายรังสิมันต์ ยอมรับว่า การเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่สามารถเสนอโครงการดังกล่าวได้ แต่ส่วนตัวเขาเห็นด้วยอย่างยิ่งที่พรมแดนของ 2 ประเทศจะมี “รั้วข้ามแดน” และหากเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พวกตนพร้อมพูดคุนอยู่แล้ว

“ทุกวันนี้ เรามีเทคโนโลยี “เสาเซ็นเซอร์” และมีเรด้าร์คอยตรวจจับ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือคน สามารถตรวจจับและระบุได้หมด ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องลงทุน ประเทศไทยเองก็สามารถผลิตได้ เป็นการสร้างงานในประเทศอีกด้วย” ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ย้ำและว่า…  

ต้องไม่ลืมว่า…ในจุดที่มี เรารั้วก็ป้องกันได้ แต่ในจุดที่มีรั้ว ยังคงมีการข้ามเข้าออกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้น หากพิจารณาทำเป็นรั้ว มันคงต้องไม่ใช่มีแค่รั้ว แต่ยังต้อง “เสาเซ็นเซอร์” และเรด้าร์คอยตรวจจับด้วย

ถึงตรงนี้ สิ่งที่คนไทย อยากเห็นการตัดสินใจของ “รัฐบาลแพทองธาร” โดยเฉพาะการยกเลิกความช่วยเหลือใดๆ แก่กัมพูชา มากที่สุด! นั่นคือ ยกเลิกการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) มูลค่า 15 ล้านบาท

เอาเงินจำนวนนี้ ไปสมทบการสร้างรั้วหรือไม่ก็นำไปจัดซื้อ “เสาเซ็นเซอร์” และเรด้าร์คอยตรวจจับ ยังจะดีเสียกว่า…

คนไทยอยากเห็น…การ “เอาคืน” ของ น.ส.แพทองธาร จาก…นายฮุน เซน และรัฐบาลกัมพูชา เหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่ น.ส.แพทองธาร ในฐานะ “รมว.วัฒนธรรม” ได้สั่งทบทวนการวัตถุโบราณเขมร จำนวน 20 ชิ้น ที่เคยมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

ด้วยเหตุผล…“งบประมาณในปีปัจจุบันไม่เพียงพอ และไม่ได้เป็นเรื่องด่วน จึงไม่สามารถของบฯกลางได้”

สรุป! รัฐบาลไทยยังไม่คืน 20 วัตถุโบราณให้กับรัฐบาลกัมพูชา

แม้จะเป็น…เรื่องเล็กๆ แต่หาก น.ส.แพทองธาร ที่วันนี้ ยังคง “หยุดปฏิบัติหน้าที่ – นายกรัฐมนตรี” เป็นการชั่วคราว จนกว่า…จะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะทำอะไร เพื่อคนไทย…ประเทศไทย ก็น่าจะเป็นสิ่งดีงามมิใช่หรือ?

ดังนั้น ในห้วงเวลาที่เหลืออีกเดือนเศษๆ หาก น.ส.แพทองธาร และ รัฐบาลของเธอ ที่แม้จะอยู่ในการดูแลของ “รักษาราชการแทนนายกฯ” (นายภูมิธรรม เวชชยชัย) จะสร้างคะแนนนิยม พ่วงการ “สางแค้น” ในคราวเดียว

ยกเลิกทุกการช่วยเหลือ ทั้งก่อนและหลังจากการเดินทางไปเยือนกัมพูชา เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2568 กระทั่ง นำไปสู่การลงนามความตกลงจำนวน 7 ฉบับ โดยหนึ่งในนั้น มีเรื่อง….การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) มูลค่า 15 ล้านบาท รวมอยู่ด้วย

สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า “คะแนนนิยมบางๆ” ก็เกิดขึ้นได้!

แม้จะไม่เข้มแข็งและถาวรสักเท่าใด? แต่ก็ยังดีกว่า…ให้ทุกความทรงจำของคนไทย มีแต่เรื่อง “Uncle อยากได้อะไรให้บอกมา” หรือตีค่า “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นเพียง…ฝั่งตรงข้าม”!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password