จะ ‘ลาออก’ เอง…หรือ ‘คนไทยต้องออกมาขับไล่!’

ไม่เหลืออะไรแล้ว??? สำหรับ “นายกฯแพทองธาร” และรัฐบาลเพื่อไทย การจำนนต่อเล่ห์ “จิ้งจอกเฒ่า – ฮุน เซน” ครั้งนี้ คงไม่มีเวทีการเมือง…ให้ได้ยืนอีกแล้ว ที่สุด! จะยอมตัดสินใจลาออกเอง หรือต้องเหนื่อย “คนไทย” รวมพลังออกมาขับไล่!!!

ข่าว “รัฐบาลแตก!” เพราะแย่งชามข้าว “กระทรวงหลัก” กระทั่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าว เมื่อวันนี้ (18 มิ.ย.2568) ว่า…

ไม่ต้องรอให้ถึง 48 ชม. ที่จะครบกำหนดเส้นตาย บ่าย 3 โมงวันพรุ่งนี้ (19 มิ.ย.) ถ้าพรรคเพื่อไทย…ไม่รักษาคำพูดและไม่รักษาสัญญา ก็ต้องแยกทางกัน

ข่าวนี้…ดูเหมือนจะเป็น “ข่าวใหญ่ประจำวัน” เพราะการแย่งเอา “กระทรวงมหาดไทย” จากพรรคภูมิใจไทย จนต้องยอมไปเป็นฝ่ายค้าน

นั่นเพราะ…มีบางคน? คิดไปไกล เอามาเพื่อปรับกลเกมการเมืองรองรับการเลือกตั้งรอบหน้า พ่วงกับเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจากงบ 1.57 แสนล้านบาท ที่จะใช้เป็นกระสุน ในวันที่…กระแสหมด

ข่าว “รัฐบาลแตก!” เพราะแย่งชามข้าว “กระทรวงมหาดไทย” ก็นับว่าเป็นข่าวที่เลวร้าย…จนยากจะรับได้อยู่แล้ว

จู่ๆ ฤทธิ์เล่ห์ “จิ้งจอกเฒ่า” อย่าง…นายฮุน เซน ปล่อยเสียงคลิปสนทนา ระหว่าง “ผู้นำไทย – นายกฯแพทองธาร ชินวัตร” กับตัวเขา ว่อนโลกออนไลน์ และข้ามมาถึงฝ่ายไทย

กลายเป็นเรื่อง “โคตรร้อน” ที่ร้อนยิ่งกว่า และดูท่าว่า…จะหยุดได้ยากแล้ว สำหรับ นายกฯแพทองธาร และรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ

บทสรุปจากเนื้อหาการสนทนา ที่ นายกฯแพทองธาร ออกมารับเองว่า…เป็นเสียงของตัวเอง

และถึงจะปฏิเสธ…ก็คงยาก??? เพราะ นายฮุน เซน โพสต์ลงโซเชียลไปก่อนหน้านี้แล้วว่า…ยืนยันเป็นเสียงของตนกับ “นายกฯไทย” จริง!!!

แถมยังแจกจ่ายคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวไปให้ฝ่ายต่างๆ ของกัมพูชามากกว่า 70 คน(ครั้ง)

เรียกว่า…ข่าวใหญ่ชิ้นนี้ ไม่ใช่แค่รู้ในกัมพูชาและประเทศไทย แต่รู้กันไปทั่วโลก!!!

ใครที่ได้เห็นใบหน้าของ นายกฯแพทองธาร หลังจำนนต่อหลักฐาน ยอมออกมาแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์นักข่าว ในวันนี้ (18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.05 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล ก็ต้องบอกว่า…

เก่งและเข้มแข็งอย่างมาก

แทบไม่สะทกสะท้านและหวั่นไหวต่อกระแสสังคมที่กำลังร้อนระอุแต่อย่างใด?

สรุปสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ “นายกฯแพทองธาร” พยายามจะบอกกับสังคมไทยว่า…มันเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์ถึงกัน เมื่อวันที่15 มิ.ย.ที่ผ่านมา และมันคือเทคนิคการเจรจาของตน

ในตอนนั้น ก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่ง สมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และสิ่งที่พูดหลังไมค์ หลังบ้านแบบส่วนตัว การคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง

หันไปดูทางพรรคฝ่ายค้าน…นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงเรื่องคลิปเสียงฯข้างต้นว่า… น่าตกใจอย่างมาก เพราะนายกรัฐมนตรี นอกจากจะเป็นประมุขฝ่ายบริหาร ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.กอ.รมน.) และเป็นประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสำคัญ ในเรื่องการปกป้องอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ

ก่อนจะย้ำอีกว่า…การที่ นายกฯแพทองธาร ระบุว่า เป็นเทคนิคในการเจรจา ให้โอนอ่อนผ่อนตาม แต่ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประมุขฝ่ายบริหาร ต้องตระหนักเอาไว้ว่า สมควรหรือไม่? เพราะการเจรจาไม่มีประโยคใดเลย ที่ยืนยันในความชอบธรรม และจุดยืนของประเทศไทย ในการปกป้องอธิปไตยของชาติไม่มี!  และยากจะเข้าใจได้ที่สุดคือการดิสเครดิตทีมงานด้วยกัน (มองว่า…แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นศัตรูฯ)

นายวิโรจน์ กล่าวว่า “อีกประโยคที่ตนตกใจมากๆ คือ การที่บอกว่า “ถ้าสมเด็จฮุนเซนต้องการอะไรจะจัดการให้” นี่หรือคือการเจรจา ผมฟังจนจบ ไม่มีการพูดถึงจุดยืน ของประเทศเลย หรือที่จะพูดถึงกรณีที่เรายึดมั่นใน MOU 43 ก็ไม่มี”

ทิ้งท้าย รองหัวหน้าพรรคประชาชน ย้ำว่า… “ผมยืนยันในจุดนี้ ผมไม่อยากพูดคำนี้ แต่ผมไม่รู้ว่า จะพูดแบกท่านนายกฯ ต่อไปอย่างไร ที่จะทำให้ประชาชนคนไทยกลับมาให้ความเชื่อมั่นกับนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” ในการคลี่คลายปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาต่อไป จะมั่นใจได้อย่างไรว่า การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี จะคิดถึงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก นี่คือคำถามที่เมื่อฟังแถลงการณ์ของนายกฯ ท่านก็ไม่สามารถคลี่คลายข้อพิพากษ์วิจารณ์ และข้อสงสัยของประชาชนได้ ผมว่าทางออกเดียวของนายกฯ คือการลาออกจากตำแหน่งเท่านั้น

ชัดเจนและเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดยามนี้ สำหรับ นายกฯแพทองธาร

อย่าต้องให้ ประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน ออกมาเดินขบวนขับไล่กันเลย ลาออกเท่ๆ ในวันนี้ ดีกว่า…ไม่มีที่ยืนในวันพรุ่งนี้และวันต่อไป.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password