เพราะจีน? เขมรจึงกล้าเปิดศึกทหารไทย!!!

วันเดียวกัน (29 พ.ค.2568)…ก่อนหน้าที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ภายใต้ชื่องาน “สวัสดี หนีห่าว” ณ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
อีกด้านหนึ่ง…เป็นความต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่ ทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อเช้ามืดวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ “2 ผู้นำกองทัพ” นัดหมายมาประชุมเพื่อพูดคุยแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามกรอบของ คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ระหว่าง…
พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ณ พื้นที่บริเวณช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยมี ฝ่ายยุทธการและฝ่ายเสนาธิการกองทัพ 2 ประเทศ เข้าร่วมประชุมพร้อมหน้ากัน
ข้อสรุปที่ได้จากหารือนานราว 1 ชั่วโมง 20 นาที ใยครั้งนี้ ก็คือ…1.กำหนดให้การแก้ไขปัญหาของทั้ง 2 ฝ่าย ต้องดำเนินการภายใต้ JBC โดยจะรีบจัดขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์นับจากนี้ 2.ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในจุดที่เหมาะสม และลดการเผชิญหน้า และ 3.ให้รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ และให้ใช้ความอดทนอดกลั้นให้มากที่สุด
ภายใต้…หน้าฉากความสัมพันธ์อันดีที่มีมายาวนาน จน 2 ชาติ ต้องจัดงาน “สวัสดี หนีห่าว” ขึ้นมา ลึกๆ แล้ว รัฐบาลจีนคิดเหมือนที่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะในยุค นายกฯแพทองธาร คิดหรือไม่?
สิ่งที่ นายกฯแพทองธาร ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระหว่างเป็น ประธานในพิธีเปิดกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ทำนอง…
“งาน “สวัสดี หนีห่าว” ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน เป็นรากฐานที่แข็งแกร่ง เป็นสะพานเชื่อมไปสู่อนาคตของไทย-จีน ให้เติบโตอย่างมีความหมายในฐานะ “ครอบครัวเดียวกัน” และเชื่อว่าอีก 50 ปีข้างหน้าจะผูกพันยาวนานพึ่งพากันตลอดไป”
เอาเข้าจริง! รัฐบาลจีน กำลังคิดและทำอะไรอยู่?
ด้านหนึ่ง เหมือนจะสานความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทย แต่อีกด้านหนึ่ง ก็อย่างที่รู้กันว่า…เหตุที่กองทัพและทหารกัมพูชา กล้าบุกรุกแผ่นดินไทย เปิดปฏิบัติการยั่วยุ ในลักษณะ “พร้อมบวก”
หมายจะให้ฝ่ายไทย “ยิงกระสุนนัดแรก” ก่อน เพื่อหวังจะเปิดศึกสงครามในทุกมิติ ทั้งการทหาร การทูตและการต่างประเทศ รวมถึงสงครามด้านความชอบธรรมในเวทีโลก
นั่นเพราะ…ทางการจีนให้การหนุนหลังรัฐบาลและกองทัพกัมพูชา อยู่กลายๆ
นับแต่ การให้เงินทุน ให้และขายอาวุธทันสมัย รวมถึงการฝึกซ้อมรบร่วมกัน มันมิต่างจากการขุนให้กองทัพกัมพูชา กล้าแข็งและพร้อมจะเปิดศึกษากับฝ่ายไทย ในทุกๆ ครั้งที่มีโอกาส…
คนไทยส่วนใหญ่อดคิดไม่ได้…เหตุที่กัมพูชา หาญกล้ากับไทยขนาดนี้ เพราะมี “พ่อจีน” คอยให้การสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า หรือไม่?
คนไทยคิดอย่าง แต่ “รัฐบาลแพทองธาร” ก็คิดไปอีกอย่าง เป็นความคิดที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับคนไทยส่วนใหญ่
วันวาน…เป็นทหารกัมพูชาเสียชีวิต แต่หากวันข้างหน้า…เป็นทหารไทยที่ต้องสูญเสียชีวิต เพราะความอ่อนด้อยและอ่อนแอของ “ผู้นำประเทศ” และคนเป็น “ออกญากลาโหม” แล้ว…
ยังจะให้คนไทยคิดดีกับรัฐบาลชุดนี้ต่อไปหรือไม่?
แนวคิดเชิงกลยุทธ์ในการ บริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับ ชาติมหาอำนาจ ในลักษณะ “น้ำไกล…มิอาจดับไฟใกล้”
แต่หากที่ใกล้…ไม่ใช่น้ำ กลับเป็น “น้ำมัน” การดับไฟ…จะกลายเป็นการโหมกระพือเชื้อเพลิงให้แผดเผารุนแรงมากยิ่งขึ้น
บทบาทจีนที่มีต่อไทย หลังฉาก มิต่างจากการเป็นทั้ง…มิตรและศัตรูในเวลาเดียวกัน
เพียงแต่ ความเป็นมิตร…แสดงออกนอกหน้าได้
แต่ใน ความเป็นศัตรูแล้ว จีนเลือกที่จะใช้ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง…เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา มาคอยเซาะกร่อนบ่อนทำลายภาพลักษณ์และความมั่นคงของไทย ตลอดมา
หรือใครจะเถียง!!!.