โยงหลากปมศึกซักฟอก ‘นายกฯอิ๊ง+ชินวัตร’ – หาก ‘ประชาชน’ ปล่อยผ่าน ‘เธอคนนั้น = ยกประโยชน์กันไป!’

สถานการณ์การเมือง ณ นาทีนี้ ถือเป็น “โจทย์ยาก” ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลายเรื่อง…ได้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกรัฐมนตรี” และคนในครอบครัว 24 มี.ค.2568 ด้วยเหตุผลหลัก คือ “สทร.” คนนั้น ครอบงำความคิด จน น.ส.แพทองธาร ไม่หลงเหลือบทบาทความเป็น “ผู้นำประเทศ”
นอกจาก ปม “การครอบงำ” ที่พ่อมีต่อลูกสาว แล้ว เคสท์สอบฮั้วเลือกตั้ง สว. ที่ “ดีเอสไอ” กำลังเดินเกมตาม “ใบสั่ง” ซึ่งบางคนเชื่อว่า อาจได้รับแรงหนุนจาก “สทร.” คนนั้น? ลงลึก “เส้นเงิน” ที่ลากเกี่ยวทั้งกลุ่มหลัก 30-40 สว. สายสีน้ำเงินเข้ม รวมถึงแถวสองและแถวสาม ที่วันนี้…ความเป็น “สีน้ำเงิน” ยังจะเข้มข้นหรือไม่?
แต่หากดูจากเมื่อช่วงบ่ายของวัน 18 มี.ค. 2568 ระหว่างการประชุมและลงมติลับของวุฒิสภา ที่มี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา หนึ่งในแกนนำ กลุ่ม “สีน้ำเงินเข้ม” เป็นประธานการประชุม กรณี พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับเลือกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คนใหม่ หนึ่งคือ…นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอีกหนึ่ง….นายชาตรี อรรจนานันท์ อดีตอธิบดีกรมการกงสุล และอดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ
แทนที่…นายนครินทร์ เมฆไตรรัฐ ประธานศาลตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ทำงานจนครบวาระกันไป
บทสรุป คือ…สว. ที่หลายคนถูกตั้งสงสัยถึงคุณสมบัติและที่มาของตัวเอง กลับลงมติไม่เห็นทั้ง 2 คน ด้วยเพราะส่งสัยในคุณสมบัติและที่มา
ทำเอาสังคมไทย มีข้อสังสัยและถามกลับทำนอง…ไม่พิจารณาคุณสมบัติและที่มาของตัวเองก่อนเลยหรือ???
สถานการณ์นี้ สะท้อนว่า…ความเข้มข้นของ “สว.สายสีน้ำเงิน” ยังคงอยู่ เรื่องจะย้ายค่าย เปลี่ยนโปรฯ ตามที่มีนักวิชาการบางคน? ชี้ชวน…คงยังไม่ถึงเวลา
ซึ่งนั่น ก็จะทำให้แรงบีบจาก “สทร.” ต่อการดำเนินงานของดีเอสไอ เพื่อเอาผิด สว.กลุ่มนี้ ก็น่าจะเข้มข้นไม่แพ้กัน
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน “พรรคประชาชน” คงจะไม่ปล่อยวางแน่ๆ
ล่าสุด ประธาน กกต. “นายอิทธิพร บุญประคอง” พูดกับนักข่าวถึงประเด็นตรวจสอบการทุจริตฮั้วเลือก สว. เอาไว้อย่างน่าสนใจ สรุปว่า…ตัวเลขการร้องเรียนเลือก ส.ว. มี 577 เรื่อง อยู่ระหว่างพิจารณา 228 เรื่อง เสร็จสิ้นแล้ว 82 เรื่อง และมี 9 เรื่องที่ส่งฟ้องศาลฎีกา ซึ่งการพิจารณาเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา พิจารณาเกี่ยวกับการกระทำความผิดเลือก ส.ว. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ตามมาตรา 77 (1) ระบุถึงการ กระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือก ส.ว. ไม่ว่าจะเป็น การให้ เสนอว่าจะให้ หรือการจัดเลี้ยง มีมติให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาอีก 1 เรื่อง ทำให้ตอนนี้เหลือคำร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 267 คำร้อง โดยอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของคณะอนุวินิจฉัย 107 เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการพยายามทำตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
ส่วนประเด็นที่คาบเกี่ยวกับ ดีเอสไอ นั้น ประธาน กกต. ระบุว่า กกต.รับเรื่องคำร้องเลือก ส.ว.มาโดยตลอด และคำร้องที่เกี่ยวพันกับมาตรา 77 (1) หรือเรื่องฮั้ว มี 220 เรื่อง กกต.ดำเนินการพิจารณาตรวจสอบเอง ทำเสร็จแล้ว 115 เรื่อง และที่มีมติเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ให้รับเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ทางนั้น แจ้งมาว่ามีเรื่องการกระทำฝ่าฝืนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และ ที่ประชุม กกต.จึงมีมติให้รับมาดำเนินการสอบสวน โดยถือว่าเป็นความปรากฏ พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง โดยเชิญ ผู้แทนจากดีเอสไอเข้ามาร่วมอีก 3 คน เชื่อว่าการทำงานร่วมกันจะสามารถพิจารณาได้โดยไม่ชักช้า
สรุปนาทีนี้ คงยากแล้วที่ กกต. จะปฏิเสธการทำงานของดีเอสไอ เพราะมันยากเกินกว่าแค่คำว่า “ตกขบวน”
ดูเหตุที่ กลุ่ม “สว.สำรอง” ฟ้อง เลขาธิการ กกต. “นายแสวง บุญมี” นั่นปะไร!!!
ยังอีกหลายเรื่อง ที่ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และ “นายกฯแพทองธาร” ทำงานตามนโยบายที่หาได้เสียงและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเอาไว้ แต่ผลสัมฤทธิ์ยังไม่ปรากฏ ทำนอง…นโยบายหลักดันไม่ทำ หรือทำไม่เต็มที่ แต่กลับเลือกจะทำนโยบายรองๆ ที่ผุดขึ้นมาใหม่ ตามคำแนะนำ หรือจะเรียกว่า “คำสั่งการ” ของ นายทักษิณ ดี…ก็ไม่รู้?
แต่ที่แน่ๆ แนวคิดการดึงเอาแบงก์พาณิชย์มาร่วมซื้อหนี้ภาคประชาชน หวังลดหนี้ภาคครัวเรือน ที่ทุกวันนี้ มีสัดส่วนต่อจีดีพีสูงกว่าร้อยละ 90 ไม่น่าจะทำได้ง่ายๆ
นี่ก็เป็นอีกประเด็น ที่ฝ่ายค้านคงมองเห็นว่า…ได้ไป ลดสถานะและภาวะความเป็น “หัวหน้ารัฐบาล” ของ “นายกฯแพทองธาร”
สำหรับ ประเด็นสำคัญและเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ที่แม้ยานนี้ “บิ๊กอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ เจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ รวมถึง สื่อมวลชนกระแสหลัก รวม 25 ชีวิต จะเดินทางไปสอดส่องชีวิต 40 อุยกูร์ ที่รัฐบาลไทย ส่งกลับบ้านเกิด ในดินแดงซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน
จน รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐสภายุโรป ออกมาโวยวายรัฐบาลไทย ในขณะนี้ ก็เป็นอีกเรื่องที่ “ฝ่ายค้าน” จะใช้ซักฟอก “นายกฯแพทองธาร” กระทบชิ่งไปยังวลีเด็ด “คนในครอบครัว” ซึ่งแน่นอนว่า…คงไม่จำกัดวงเฉพาะ นายทักษิณ แต่ยังฟาดงวงงาไปถึง…คนอื่นๆ ในตระกูลชินวัตร ด้วย
โดยเฉพาะกับ เธอคนนั้น? ที่หากินอยู่กับ “ด่านชายแดนการค้า” ครอบคลุมทั่วประเทศไทย…แบบเงียบๆ!!!
เรื่องฮ๊อตๆ อย่างนี้ ถ้า ฝ่ายค้าน “พรรคประชาชน” ไม่รู้? ก็ถือเป็นการ “ยกประโยชน์ให้จำเลย” ไปแล้วกัน!!!.