ผู้นำ Gen (วอด) Y?

“ผู้นำ” กับความเชื่อมั่นในตัวเองที่สูงสุดๆ มิใช่เรื่องแปลก! แต่ต้องไม่มั่นหน้าเกินเบอร์? ความเก่งฉกาจหรือมากความสามารถ บางครั้งอาจต้องอาศัยประสบการณ์…คอยประครองเป็น “ลมใต้ปีก” เพื่อให้พยุงตัวเองได้ลอยลม…ในวันที่พายุโหมกระหน่ำเข้าใส่
อาการเชื่อมั่นในความเป็น “นายกฯ Gen Y” ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 และเป็น นายกฯหญิงคนที่ 2 ต่อจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้มีศักดิ์ เป็น “อาสาว” ในท่ามกลางสารพันปัญหาของประเทศ ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
หากมองในมุมบวก ก็เป็นบวก แต่หากมองในอีกมุม ผลลัพธ์ที่ได้อาจเป็น “ตรงกันข้าม”
แน่นอนว่า…โลกยุคปัจจุบัน บรรดา “ผู้นำประเทศ” หากมิได้หลงเหลือมาจาก “ยุค Baby Boomer” แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนใน “ยุค Gen X”
มีน้อยประเทศมากที่จะเป็น “ผู้นำยุค Gen Y” เช่น…นายกรัฐมนตรีของไทย
อย่างที่บอก…ความเชื่อมั่นในตัวเองที่สูงสุดๆ มิใช่เรื่องแปลก แต่ต้องเป็นความเชื่อมั่นบนพื้นฐานองค์ความรู้และประสบการณ์ที่เข้มแข็ง
ลำพังฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของ บรรดาที่ปรึกษาระดับ “กูรู” เพียงอย่างเดียว อาจไม่ช่วยอะไรได้มากนักในวันที่ต้อง เผชิญหน้ากับ “ฝ่ายตรงข้าม” แบบเดียวดาย
ระดับ “ภาวะผู้นำ” เป็นเรื่องสำคัญ! หากไม่ได้อยู่บนพื้นฐานที่เจ้าตัวมีอยู่จริง! สิ่งนี้…อาจเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง เช่นกัน การที่ “นายกฯแพทองธาร” ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่อ้างอิงถึงโพลที่มีก่อนหน้านี้ “ประชาชนยังไม่พอใจการทำงานของนายกฯ และยังไม่เชื่อมั่นภาวะผู้นำ” คำตอบที่มี กลับพาดพิงไปยัง พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่เตรียมจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำนอง…
“เรื่องที่ฝ่ายค้านตั้งหัวข้อถึงภาวะผู้นำ ก็ต้องชี้แจง โดยภาวะผู้นำต้องให้ประชาชนตัดสิน เราไม่ไปอยากชี้นิ้ว เพราะเราเป็นผู้นำในแบบของเราและการที่จะว่าใคร เราก็ต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงคนอื่น ส่วนตนทำเต็มที่ เตรียมข้อมูลที่จริงไปเล่าให้ประชาชนฟัง จะถูกต้องมากกว่า ส่วนผลโพลไม่ว่าสำนักไหนรับฟังทั้งหมด เพราะถือเป็นการเก็บความเห็นของประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาแล้ว และต้องพร้อมรับฟังและปรับตัว และทุกกระทรวงควรนำความเห็นของประชาชนไปปรับปรุงเพิ่มเติม”
คำถามทิ้งทวนจากผู้สื่อข่าว..นายกฯจะใช้วิกฤตการอภิปรายนี้ เป็นโอกาสในการชี้แจงกับประชาชนใช่หรือไม่? คำตอบที่ได้รับคือ…“เป็นเวทีที่ดีที่จะให้ประชาชนเข้าใจ ข้อมูลที่แท้จริงและเข้าใจดิฉันที่เป็น นายกฯ Gen Y อยากให้ทุกคนเข้าใจ เพราะบางทีอาจยังไม่เคยมี นายกฯ Gen Y จะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน”
ย้อนกลับไปหาความหมายของ “คน Gen Y” ที่ กรมสุขภาพจิต อธิบายความเอาไว้อย่างน่าสนใจ คือ…กลุ่มคนที่เกิดในช่วงต้นของปี ค.ศ. 1980s จนถึงปลาย ค.ศ. 1990s ถือเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ ศึกษาพฤติกรรม แนวคิด เพื่อทำความเข้าใจ สื่อสาร และการค้า จึงทำให้มีนิยามศัพท์คนกลุ่มนี้มากมาย ขณะเดียวกัน มีนักวิชาการบางคนให้คำจำกัดความครอบคลุมไปถึงกลุ่มประชากรที่เกิดก่อนปี ค.ศ. 2000s จัดเป็นกลุ่มเจนวายด้วยเช่นกัน
สำคัญกว่านั้น คือการที่นักวิชาการบางคนได้ให้คำนิยามของกลุ่ม “คน Gen Y” ว่าเป็นพวก “Gen Me” เพราะเป็นกลุ่มคนที่มองว่าตัวเองสำคัญที่สุด!
ประมาณว่า…ยึดเอาตัวเป็น “ศูนย์กลางแห่งจักรวาล!!??”
บทความหัวข้อ “4 ตัวตนของคน Gen Y ที่อยากอธิบายให้เจนอื่นเข้าใจ” ซึ่ง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (บัตรเครดิตกรุงศรีฯ) เคยนำเสนอเอาไว้ มีประเด็นที่น่าสนใจ กล่าวคือ…
คน Gen Y ถือได้ว่าเป็น “คลื่นลูกใหม่” ที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน ซึ่งมีลักษณะที่ แตกต่างกับ Generation อื่นอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของ ตัวตน อุปนิสัย วิถีการใช้ชีวิต แนวคิด และทัศนคติต่างๆ ซึ่งก็อาจทำให้หลายคนสงสัย ไม่เข้าใจ เกิดเป็นคำถามมากมาย จริงๆ แล้วคน Gen Y เป็นแบบนั้นหรือไม่? ลองมาดูกันทีละหัวข้อ…
เปลี่ยนงานบ่อย ไม่ใช่ไม่อดทน : คน Gen Y คือคนในวัยทำงาน ซึ่งมักจะถูกคนอื่นมองว่าไม่อดทนอยู่เสมอ รักสบาย หนักไม่เอา เบาไม่สู้ เจอแรงกดดันหน่อยก็ไม่อยากทำงาน เอะอะก็บ่นจะลาออก แต่จริงๆ แล้ว คน Gen Y แค่ไขว่คว้าหาโอกาสที่ดีกว่าอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อมองเห็นทางเลือกที่ดีกว่า คำถามที่ตามมาคือทำไมต้องทน สำหรับ คน Gen Y การลาออกจึงไม่ได้แปลว่าไม่อดทน แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ก้าวต่อไปให้ดีกว่าเดิมเท่านั้นเอง
ทำให้ดู ดีกว่าสั่งให้ทำ : แน่นอนว่าคน Gen Y นั้นรักอิสระ กล้าคิดนอกกรอบ กล้าทำ กล้าแสดงออก มีความคิดเป็นของตัวเอง จึงไม่ชอบทำอะไรที่ฝืนใจ โดยเฉพาะเวลาที่ถูกสั่ง ถูกใช้อำนาจบังคับ ถูกตำหนิจุกจิกซ้ำๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ คน Gen Y อยากให้คนอื่นเข้าใจก็คืออย่าบังคับ ถ้าอยากให้ทำอะไรแบบไหน ก็แค่ทำให้ดูเป็นตัวอย่างในแบบที่อยากให้เป็น คอยให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษาห่างๆ ก็พอ แล้ว คน Gen Y จะค่อยๆ สังเกตและเรียนรู้ด้วยตัวเอง
เชื่อใจหน่อย ว่าเราทำได้ : อีกเรื่องที่ Gen Y ให้ความสำคัญอย่างมาก ก็คือความไว้วางใจจากคนรอบข้าง เพราะคน Gen Y ชอบความท้าทาย รักความก้าวหน้า มีความเชื่อมั่นในตัวเองเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว แต่มักจะไม่ได้รับความเชื่อมั่นสักเท่าไร ลองหยิบยื่นโอกาส มอบความไว้วางใจ และเสริมพลังด้วยกำลังใจจากคนรอบข้าง คน Gen Y ก็พร้อมที่จะกระโดดเข้าไปแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ โชว์ให้เห็นว่าตัวเราเองก็มีดีไม่แพ้ใครแน่นอน
ใช้เงินเก่ง ชอบเปย์เพราะรัก : หลายคนชอบมองว่าคน Gen Y ชอบเปย์ ใช้เงิน เก่ง เป็นยอดนักผลาญ รสนิยมสวนทางกับรายได้ ซื้อทุกอย่างที่ต้องการ รูดเก่งโดยไม่แคร์เงินในกระเป๋า แต่จริงๆ แล้วคน Gen Y มองไปถึงความคุ้มค่าที่ได้มากกว่าแค่การซื้อของ เป็นการใช้เงินเพื่อซื้อเวลา ใช้เงินเพื่อแลกกับความน่าเชื่อถือ ใช้เงินเพื่อแลกกับความสะดวก ใช้เงินเพื่อซื้อความสุข และอื่นๆ อีกมากมาย คุ้มค่าที่จะจ่ายทุกบาททุกสตางค์แน่นอน
จาก ข้อมูลเชิงวิชาการข้างต้น อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด หากนำไปเปรียบความเป็นตัวตนของ “นายกฯแพทองธาร” แต่ก็ถือว่า…มีหลายส่วนที่ใกล้เคียงกันบ้าง
อย่างน้อยที่สุด! บนความเชื่อมั่นของ ความเป็น…ผู้นำ เป็น…นายกฯ Gen Y ก็จะต้อง ทนรับแรงกดดันและแรงเสียดทานอย่างมีวุฒิภาวะ จะทำอะไรตามใจ หรือยึดตัวตนเป็น “ศูนย์กลางจักรวาล” โดยไม่สนใจผู้คนรอบข้างล่ะก็
ความเชื่อมั่นในตัวเองที่สูงเกินขีดจำกัด ก็อาจกลายเป็น “ผู้นำ/นายกฯ Gen (วอด) Y” เอาได้เช่นกัน??!!.