‘เรืองไกร’ ไล่บี้! นายกฯทวงหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกก.บริษัท ชี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ
“เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ทวงข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่าง ๆ จากนายกรัฐมนตรี เผยรอมานานกว่า2เดือนแล้ว ขอให้ส่งมาโดยด่วนเพื่อความบริสุทธิ์ใจ เพราะต้องนำข้อมูลไปชี้แจงให้ กกต.รับทราบ
วันที่ 15 ธ.ค. 67 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยตรง เพื่อทวงข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่าง ๆ จากนายกรัฐมนตรี (อีกครั้งหนึ่ง)
นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องนี้ตนรอมานานกว่าสองเดือนแล้ว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งมา ประกอบกับบางส่วนจะต้องใช้เป็นข้อมูลไปให้ถ้อยคำต่อ กกต. ในวันที่ 18 -19 ธ.ค. ศกนี้ รวม 8 เรื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาทั้งวัน
นายเรืองไกร กล่าวว่า ด้วยเหตุจากการให้ข้อมูลด้วยความล่าช้า ทำให้วันนี้ต้องทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีได้รับรู้เพื่อสั่งการโดยตรง โดยมีความในหนังสือดังนี้
“ตามที่ข้าพเจ้า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้รับหนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ นร 0005.5/46972 วันที่ 3 ตุลาคม 2567 มานานกว่าสองเดือนแล้ว โดยในหนังสือดังกล่าวได้แจ้งว่า เลขาธิการนายกรัฐมนตรีทราบเรื่องและพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว ดังความละเอียดควรแจ้งแล้วนั้น
บัดนี้ เวลาล่วงมานานพอควร ข้าฯ ยังไม่ได้รับข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่าง ๆ ของนายกรัฐมนตรี จากเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าว มีผลต่อการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และไม่ทราบว่า เหตุใดเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงยังไม่ดำเนินการเรื่องนี้ตามหนังสือที่ นร 0005.5/46972 ทำให้ข้าฯ เสียเวลารอนานจนทำให้รู้สึกมีเหตุพิรุธอันควรสงสัยว่า ข้อมูลการลาออกอาจมีปัญหาต่อการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามมา หรือไม่ กรณี จึงต้องเขียนถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรงเพื่อสั่งการต่อไปโดยเร็วที่สุด
จึงเรียนมาเพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรีบส่งข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่าง ๆ ของนายกรัฐมนตรี ให้โดยด่วนด้วย ทั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ โปร่งใส และ ตรวจสอบได้ของตัวนายกรัฐมนตรีเอง และหากข้อมูลการลาออกดังกล่าวไม่มีพิรุธน่าสงสัยตามที่ได้ร้องไปที่ กกต. ก็จะได้ช่วยแจ้งให้ กกต. ทราบผลอีกทางหนึ่งด้วย (เนื่องจากในวันที่ 18 – 19 ธ.ค. 67 กกต. เชิญไปให้ถ้อยคำตามคำร้องอีก 8 เรื่อง)”