ศาล รธน.รับคำร้อง 40 สว.ขอให้วินิจฉัย ‘เศรษฐา-พิชิต’สิ้นสุดความเป็นรมต.หรือไม่?

ศาลรธน.รับคำร้อง 40 สมาชิกวุฒิสภา ขอให้วินัจฉัย คุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” และ รัฐมนตรีสำนักนายกฯ “พิชิต ชื่นบาน” สิ้นสุดลงตาม ม.170 หรือไม่
วันที่ 17 พ.ค.67 มีรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องจาก นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ไว้พิจารณาวินิจฉัยหลังจาก สมาชิกวุฒิสภา ( สว.) กว่า 40 คน ได้เข้าชื่อ และยื่นคำร้องผ่านประธานวุฒิสภาเพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1และ นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่

ทั้งนี้ประธานวุฒิสภา ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 16 พ.ค.67 และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับคำร้อง ไว้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2567 เวลา 10.20 น.โดยก่อนหน้านี้ สว.สายทหาร และสายอนุรักษ์ ประมาณ 40 คน เข้าชื่อเพื่อยื่นเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า นายเศรษฐา ทวีสิน ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ในการแต่งตั้งนายพิชิต เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ถูกตั้งคำถามถึงคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสม

โดยก่อนหน้านี้ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ฐานะผู้ร่วมลงชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ว่า ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของ สว. ที่ต้องทำหน้าที่ ฐานะเป็นผู้แทนปวงชน หลังประเด็นการดำรงตำแหน่งของนายพิชิตนั้นมีผู้แสดงความเห็นในวงกว้าง และเวทีสาธารณะว่าเหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายเห็นว่าควรส่งให้องค์กรที่มีหน้าที่ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย โดยมี สว. ร่วมเข้าชื่อ 40 คน จากที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสว.ที่มีอยู่

สำหรับเหตุผลที่ระบุและบรรยายให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา คือ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งกรณีของนายพิชิตนั้น มีข้อเท็จจริงที่ปรากฎให้เห็นว่ามีการละเมิดอำนาจศาล และมีคำสั่งศาลสั่งให้จำคุก ทั้งนี้ มีคำบรรยายรายละเอียดข้อเท็จจริงของศาลที่ชัดเจนว่ามีพฤติกรรมทุจริต ติดสินบนต่อกระบวนการยุติธรรม และถูกนำเรื่องเข้าสู่สภาทนายความให้ลบชื่อจากการเป็นทนายความ ดังนั้นจึงเป็นกรณีที่ชัดแจ้งว่าไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และยังมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ส่วนกรณียื่นให้พิจารณาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ นายเศรษฐา เป็นกรณีสืบเนื่องกัน เพราะมีประเด็นทักทวงต่อการตั้งนายพิชิตให้ดำรงตำแหน่ง แต่ทำไมนายกฯยังเสนอชื่อและโปรดเกล้าฯ ให้นายพิชิตดำรงตำแหน่งในตำแน่งรัฐมนตรีอีก ดังนั้นจึงถือเป็นความรับผิดชอบของนายกฯ

“กรณีนายกฯ ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ส่วนที่ระบุว่าได้หารือกับกฤษฎีกาแล้ว พบว่าเป็นการหารือที่ไม่ตรงประเด็น ทั้งระยะเวลาการพ้นโทษ และการตีความระหว่างคำสั่ง กับคำพิพากษาเหมือนกันหรือไม่ ทั้งนี้เรายังพบประเด็นที่เป็นปัญหา จึงเข้าชื่อเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย” นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password