ธอส. เผย 4 ด.แรกปี’67 ปล่อยกู้ใหม่เฉียด 4. 8 ล. หรือ 20% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยผลดำเนินงาน 4 เดือนแรกปี 2567 ปล่อยสินเชื่อใหม่ให้คนไทยมีบ้าน 37,282 บัญชี รวม 47,784 ล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,716,015 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,808,118 ล้านบาท เงินฝากรวม 1,557,356 ล้านบาท ขณะที่ NPL5.63% คาดครึ่งปีหลังจะลดเหลือตามเป้า 4% เศษของยอดสินเชื่อรวม คาดทั้งปีปล่อยสินเชื่อใหม่ 242,544 ล้านบาท พร้อมสนับสนุนคนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น และกลยุทธ์เด็ด เดินหน้าขยายความร่วมมือกับพันธมิตรสร้างความแข็งแกร่งของระบบ Ecosystem เพื่อพัฒนาองค์กรมุ่งสู่ การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน 

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มอบหมายให้คณะผู้บริหารฯ นำโดย นายวิทยา แสนภักดี และ นางภานิณี มโนสันติ์ รองกรรมการผู้จัดการ ร่วมแถลงข่าวผลการดำเนินงานในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา ว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 เมษายน 2567  ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 37,282 บัญชี คิดเป็นวงเงิน  47,784 ล้านบาท หรือ  20% ของเป้าหมาย ในปี 2567 ที่ตั้งไว้ 242,544 ล้านบาท

โดยในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ให้กับลูกค้าที่ต้องการวงเงินกู้ ไม่เกิน 3 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางถึง 24,476 ราย และมีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,716,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.14% เมื่อเทียบ ณ สิ้นปี 2566 สินทรัพย์รวม 1,808,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.26% เงินฝากรวม 1,557,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.08% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 5.63% ของยอดสินเชื่อรวม ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง NPL จะลดลงตามเป้าหมายเดิมที่ 4.8% เศษ โดยมี การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 153,182 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 158.55% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ระดับแข็งแกร่งที่ 15.30% สูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดที่ 8.5% 

“ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วง 4 เดือนแรกได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ในการลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01%  และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01% รวมถึงการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคาร ทำให้ลูกค้าตัดสินใจยื่นขอสินเชื่อมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีลูกค้าเลือกใช้บริการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ (1) สินเชื่อบ้านลูกค้าสวัสดิการ ธอส. มียอดนิติกรรมสูงถึง   9,523  ล้านบาท  (2) สินเชื่อบ้าน Happy Life มียอดนิติกรรมสูงถึง 7,607  ล้านบาท และ (3) โครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ ปี 2567  มียอดนิติกรรมสูงถึง  4,101 ล้านบาท ดังนั้น จึงคาดว่าสิ้นปี 2567 ธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ ตามเป้าหมาย 242,544 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการสนับสนุนคนไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และประชาชนกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ขาดโอกาสในด้านต่าง ๆ ให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น ด้วยการจัดทำสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่อง อาทิ

สินเชื่อบ้าน Happy Home สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เท่ากับ  3.00%  ต่อปี ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการ ผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN แล้ว จำนวน  11,923 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 21,461 ล้านบาท และได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว 4,741 ล้านบาท

สินเชื่อบ้าน Happy Life สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีราคาตั้งแต่ 2.5 ล้านบาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 คงที่ เท่ากับ 1.95% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเท่ากับ 2.98%) โดยธนาคารได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อแล้ว  10,250 ล้านบาท

สินเชื่อบ้าน Mild Home สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีราคามากกว่า 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย ปีแรกเพียง 1.90% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเท่ากับ 2.90%) มีลูกค้าได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว  710 ล้านบาท

โครงการสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุ อาทิ โครงการสินเชื่อ Senior Home 2U ปี 2567 สำหรับการซื้อ ที่อยู่อาศัยจากผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 3.00% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 3.42%)

และโครงการสินเชื่อ Senior Home 4U ปี 2567 สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อัตราดอกเบี้ยปีแรกเท่ากับ 2.90% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเท่ากับ 3.30%)

ขณะเดียวกัน ธอส. ยังให้ความสำคัญในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ โดยเฉพาะลูกค้า กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) และ ลูกค้าสถานะ NPL ให้ยังคงรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ด้วยการจัดทำมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน ปี 2567 ประกอบด้วย มาตรการ HD1 : สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1-3 จำนวน 1,000 บาท  อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี มาตรการ HD2 : สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 1 ปี ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1 – 3 คำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90% +100 บาท และ มาตรการ HD3 สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ NPL ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1 – 4 จำนวน 1,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี โดยปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการแล้ว จำนวน 25,798 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 29,966 ล้านบาท 

สำหรับในปี 2567 ธอส. ได้ขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรของธนาคาร เพื่อร่วมกันสร้างระบบ Ecosystem  ตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร ในปี 2567 ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น อาทิ โครงการ Resale Home Ecosystem : การร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายฐาน สินเชื่อ มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าบ้านมือสอง, โครงการ Green Loan ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในการขยายฐานสินเชื่อสำหรับที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลังในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน อาทิ โครงการสนับสนุนผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้เข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย และโครงการ สนับสนุนตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทั้งหมด มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาองค์กรมุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password