DSI  ส่งสำนวนสั่งฟ้อง ‘นอท พันธ์ธวัช’ พร้อมพวกรวม 17 ราย ฟอกเงินให้อัยการเอาผิด ‘ขณะที่อีก 20 รายหลบหนีหมายจับ อัยการนัดฟังการสั่งคดี 8 พ.ค.2566 ด้าน นอท สวมบทหัวหน้าพรรคเปลี่ยน เดินสายหาเสียง หวัง 3 ล้านคะแนน วาง ส.ส.ในสภาฯ ดันคาสิโนและหวยใต้ดินถูกกฎหมาย

ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ  สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดย นายพงษธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด ได้นำตัว นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ (นอท กองสลากพลัส) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด  ผู้ต้องหาที่ 9  ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน กับพวกรวม 17 ราย พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องสำนวนคดีพิเศษที่ 288/2565 จำนวน 34 แฟ้ม เอกสารจำนวน 15,405 แผ่น  โดยนำ นายพิเชษฐชัย เสมศรี ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก รวม 41 ราย (อยู่ระหว่างฝากขัง 4 ราย ที่เหลือหลบหนีหมายจับ) ส่งต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษพิจารณา

นายพงษธร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ตนนำสำนวนคดีและผู้ต้องทั้ง 17 รายมาส่งให้พนักงานอัยการ พิจารณา โดยนายพันธ์ธวัช ถูกแจ้งข้อหา ฟอกเงิน เนื่องมาจากการนำสลากกินแบ่งรัฐบาลไปให้นายอรรถกานต์ หรือ เฟย ตระการศักดิกุล หรือ “นาย อ.”  ขึ้นเงินรางวัลจำนวน 53 ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาอีก 16 รายที่เหลือถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน โดยทั้ง 16 รายนี้มีพฤติการณ์เป็นม้าเดินได้  ทำหน้าที่กดเงิน และเป็นลูกน้องของนายสุทิน (หัวหน้าขบวนการฟอกเงินรายสำคัญ) ซึ่งนายอรรถกานต์ใช้บริการลูกน้องนายสุทิน

โดยที่ผ่านมา ผู้ต้องหาล้วนให้การปฏิเสธและจริงๆ แล้ว กระบวนการยุติธรรมประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา เมื่อข้อเท็จจริงพยานหลักฐานครบองค์ประกอบความผิด เราก็จำเป็นต้องแจ้งข้อหาเพื่อให้พวกเขาพิสูจน์ และพนักงานสอบสวนก็ได้ตรวจสอบหลักฐานแคชเชียร์เช็คดังกล่าว ซึ่ง นายพันธ์ธวัช ก็ยอมรับเรื่องแคชเชียร์เช็คนี้ พร้อมให้เหตุผลประกอบคำแก้ต่าง ซึ่งเราก็รับฟังแต่ด้วยระบบการกล่าวหา พยานหลักฐานมันเข้าองค์ประกอบความผิด จึงจำเป็นต้องแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นในส่วนของพนักงานอัยการ อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่ค่อนข้างเพียงพอจึงแจ้งข้อกล่าวหาไป นอกจากนี้ สำหรับในคดีดังกล่าวตนได้มีการปรึกษากับอัยการ เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐานว่าเพียงพอหรือไม่ หรือต้องมีแนวทางอย่างไรบ้าง

ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด ยังกล่าวอีกว่า จากการสอบสวนมีความมั่นใจในพยานหลักฐาน โดยเฉพาะ นายนอท นั้น ได้ตรวจพบหลักฐานเอกสารมอบอำนาจให้นายเฟย หนึ่งในผู้ต้องหา นำสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 มูลค่า 53 ล้านบาท ไปขึ้นเงินรางวัล  จากนั้น นายเฟยนำเงินรางวัลที่ได้ฝากเข้าบัญชีม้าของนายสุทิน และโอนต่อไปเข้าบัญชีของนายนอท  พนักงานสอบสวนมองว่า การนำสลากไปขึ้นรางวัลกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการสร้างเส้นเงินเพื่อฟอกเงินสีเทาให้เป็นเงินถูกกฎหมาย อีกทั้ง การสอบสวนยังพบนายเฟย มักใช้บริการบัญชีม้าของนายสุทิน เพื่อรับโอนเงินจากเว็บพนันออนไลน์เป็นประจำอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น ที่ นายนอท อ้างว่านำสลาก ให้นายเฟยไปขึ้นเงิน เพื่อทดสอบระบบของกองสลาก ก่อนจะร่วมลงทุนนั้น จึงฟังไม่ขึ้น โดยพนักงานอัยการนัดฟังการสั่งคดี วันที่  8 พ.ค.นี้ เวลา 8 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น.

ด้าน นอท หรือนายพันธ์ธวัช หัวหน้าพรรคเปลี่ยน  ซึ่งมีสีหน้าแจ่มใส กล่าวยืนยันปฏิเสธความผิดทุกข้อกล่าวหา และพร้อมต่อสู้คดี  โดยเตรียมเอกสารหลักฐานการมอบอำนาจให้นายเฟยไปขึ้นเงินไว้ต่อสู้ในชั้นศาล  และยืนยันว่าเพิ่งรู้จักกับนายเฟยและพบกันเป็นครั้งแรก ไม่ทราบมาก่อนว่าในเฟย ทำเว็บพนันออนไลน์และมีลูกน้องมีเครือข่ายบัญชีม้า การถูกดำเนินคดีของตนครั้งนี้มองว่าถึงคราวซวย

โดย นายนอท ยังคงเดินหน้าหาเสียงสู้การเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ และตั้งเป้าให้ได้ 3 ล้านเสียง เพื่อมี 10 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร  พร้อมผลักดันคาสิโนและหวยใต้ดินถูกกฎหมาย โดยมั่นใจการถูกดำเนินคดีจะไม่กระทบต่อคะแนนเสียงเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจาก นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กองสลากพลัส (บริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด) ได้ถูกดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาจากคดีพิเศษที่ 288/2565 ในฐานความผิดร่วมกันฟอกเงิน เนื่องมาจากพนักงานสอบสวนพบความเชื่อมโยงว่ามีหัวหน้าขบวนการฟอกเงินรายสำคัญที่ถูกจับกุมไปเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.65 ได้ทำหน้าที่เบิกถอนเงินสดและนำไปเข้าบัญชีให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย โดยนายพันธ์ธวัชคือหนึ่งในผู้รับเงินหลายสิบล้านบาทจากกลุ่มขบวนการดังกล่าว และขบวนการนี้ยังมีความเชื่อมโยงพัวพันไปถึงนายเฟย-อรรถกานต์ จึงเป็นเหตุให้ดีเอสไอออกหมายเรียกนายพันธ์ธวัชเข้าชี้แจงในฐานะพยานและต่อมาได้ถูกเลื่อนสถานะเป็นผู้ต้องหา เนื่องจากคำให้การไม่สอดคล้องไปกับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมได้ จากนั้นนายพันธ์ธวัชได้เดินทางเข้ารับทราบข้อหาเมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 ที่ผ่านมา.