“บิ๊กป้อม” เมิน “เศรษฐา” ประกาศไม่จับมือ พปชร. หนุน ป.ป.ช.เปิดข้อมูล “นาฬิกาหรู”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ลั่นพร้อม เดินหน้าก้าวข้ามความขัดแย้ง เมิน ‘เศรษฐา’ ประกาศไม่จับมือ พปชร. พร้อมหนุนให้ ป.ป.ช. เผย ปมนาฬิกายืมเพื่อน มั่นใจไม่กระทบคะแนนเสียง ช่วงเลือกตั้ง
วันที่ 22 เม.ย.2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการนำคณะกรรมการบริหารพรรค ปราศรัยหาเสียง จ.นครราชสีมา ว่า การนั่งรถไฟในวันนี้ เพื่อดูวิถีของประชาชนตามที่ตนได้บอกเรื่องการพัฒนาภาคอีสาน ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอื่น เพื่อช่วยทำงานในภาคอีสาน และให้เด็กอาชีวะมีงานทำในพื้นที่อุตสาหกรรม การมานั่งรถไฟครั้งนี้เพื่อดูระบบตามนโยบายโครงการอีสานประชารัฐของพรรคให้ได้ก่อน เพื่อทำให้หลายจังหวัดในภาคอีสานมีความเจริญ คนมีงานทำ เป็นการสร้างงาน และถ้าทำได้จริงจะเชื่อมต่อไปที่ภาคตะวันออกและไปที่ จ.กาญจนบุรีได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งเป้าส.ส.นครราชสีมาไว้ อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค เพราะเป็นหัวหน้าทีมภาคอีสาน ตนไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม และหัวหน้าพรรคคงไม่ต้องมาดูในระดับพื้นที่ ขณะที่นายสันติ กล่าวแทรกขึ้นว่า อยากได้ ส.ส.ทั้ง 16 เขตเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐอยากปักธงเป็นอันดับหนึ่งในภาคอีสานใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “อยากสิครับ ไม่น่าถาม อยากได้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า อยากให้พี่น้องชาวอีสานเลือกผม เพื่อให้ได้ที่หนึ่ง เมื่อถามย้ำว่า หากได้ที่หนึ่งแล้วจะเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องการเป็นนายกฯ ต้องไปเลือกกันในสภาฯ ไม่ใช่มาเลือกกันตรงนี้
ต่อข้อถามถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศชัดเจนว่าไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็ว่ากันไป เพราะตนยังไม่ได้ประกาศว่าจะจับมือกับใคร
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ระบุจะก้าวข้ามความขัดแย้ง จะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตร ตอบว่าการก้าวข้ามความขัดแย้ง คือการให้ประชาชน เป็นหนึ่งเดียวกันทำงานร่วมกันได้ ส่วนความคิดทางการเมืองใครจะคิดอย่างไรก็คิดไป เพราะตนบังคับใครไม่ได้ บังคับสื่อยังไม่ได้เลย ยืนยันว่า แนวทางการก้าวข้ามความขัดแย้งคือให้คนไทยทุกคนต้องอยู่ร่วมกัน ทำแผ่นดินเกิดให้มีความเจริญจะต้องทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า บรรยากาศทางการเมืองขณะนี้ เอื้อให้ทำเรื่องการก้าวข้ามความความขัดแย้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เอื้อ เอื้อตลอด ประเทศเพื่อนบ้านที่เขามี 4-5 หลายฝ่าย ยังรวมกันสร้างความเจริญพัฒนาประเทศได้ แล้วเราไม่ได้แตกแยกขนาดนั้นต้องทำให้รู้ว่าเป็นคนไทยต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน.
นอกจากนี้ยัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลปกครอง มีคำพิพากษาให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เปิดเผยข้อมูลการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ว่า “ผมอยากให้เปิดจะได้รู้ความจริง จะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร อยากให้เปิดนานแล้ว ไม่มีปัญหาเลย ผมไม่ได้ไปเอาของใครมา ผมยืมเขามาก็คืนเขาแล้ว” และต่อข้อถามว่าจะมีผลต่อกระแสของพรรคในช่วงการเลือกตั้งเวลานี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี.