‘เสรีพิศุทธ์’ นัดถก กมธ. ป.ป.ช.18 ม.ค.นี้ ชี้ผิด ‘หอการค้าไทย’ ลักไก่สวมสิทธิ์ฮุบที่ดิน 4 ไร่ของสมาคมหอการค้ากรุงเทพ
กมธ.ป.ป.ช. จ่อชี้เป้าถอนสิทธิ์ครอบครองที่ดิน 4 ไร่เศษ ย่านราชบพิธ เหตุ “หอการค้าไทย” ครอบครองโดยมิชอบ หลังข้อมูลเชิงลึกชี้ชัด! “เป็นคนละนิติบุคคล” กับเจ้าของเดิม คือ สภาหอการค้ากรุงเทพ ดีเดย์! พล.อ.เสรีพิศุทธ์ นัดถก พ.18 ม.ค.นี้ แนะกรมที่ดินถอดสิทธิ์เจ้าของที่ดิน “จอมสวมตอ” พร้อมส่งต่อผลการพิจารณาฯให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง นำไปประกอบการพิจารณาคดีฯในชั้นศาล ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ต่อไป ด้าน “วิจิตติพร” ยิ้มทั้งน้ำตา เตรียมชงเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายที่ดินเพื่อประโยชน์ของสังคมไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สภาผู้แทนราษฎร ถึงบทสรุปผลการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ. ป.ป.ช.) ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นประธานฯ ในประเด็น การตรวจสอบทุจริตการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ที่ดินของสมาคมหอการค้ากรุงเทพ และหอการค้าไทย รวมถึงสิทธิที่ดินพิพาทแขวงราชบพิธ กรุงเทพฯ รวมกันกว่า 4 ไร่ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ที่ดินโฉนดเลขที่ 704, 705 และ 706 แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเรื่องที่ น.ส.วิจิตติพร อภิบาลภูวนารถ นายกสมาคมองค์การตรวจสอบอำนาจรัฐเพื่อประชาชน (JIGO) ในฐานะ “ประธานคณะกรรมการชั่วคราวเพื่อการชำระบัญชีสมาคมหอการค้ากรุงเทพ” ได้ยื่นเรื่องเอาไว้เมื่อต้นเดือน พ.ย.2565 ที่ผ่านมา
ล่าสุด การประชุมของ กมธ.ป.ป.ช.ที่มีคณะกรรมาธิการจากพรรคต่างๆ รวม 12 คน ขาดเพียง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ไม่เข้าร่วมประชุมฯ เพราะลาไปรักษาตัวจากการเจ็บป่วย เมื่อช่วงก่อหน้านี้ และมีผลการพิจารณาใน 2 ประเด็นข้างต้น โดยที่ประชุมฯมีความเห็นว่า…
1.ความเป็นนิติบุคคลระหว่างสมาคมหอการค้ากรุงเทพ (ภายหลังเป็นชื่อเป็น “สมาคมหอการค้าไทย”) และหอการค้าไทย เป็นนิติบุคคลเดียวกันหรือไม่? ที่ประชุมเห็นว่า เป็นคนละนิติบุคคลกัน เพราะจัดตั้งภายใต้กฎหมายที่แตกต่างกัน กล่าวคือ สมาคมหอการค้ากรุงเทพ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2489 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ขณะที่ หอการค้าไทย จัดตั้งเมื่อปี 2509 ตาม พ.ร.บ.หอการค้า พ.ศ.2509
และ 2.การเปลี่ยนแปลงชื่อกรรมสิทธิ์ในสารบัญโฉนดที่ดินฯข้างต้น โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่? ที่ประชุมเห็นว่า จากการพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำเนาสำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน ที่ มท.๐๕๑๕.๑/๑๗๗๗ ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2559 เรื่อง ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนแก้ไขชื่อโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว จากเจ้าของเดิมคือ สมาคมหอการค้ากรุงเทพมาเป็น หอการค้าไทย เมื่อสิงหาคม 2545 เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นคนละนิติบุคคลกัน มีการจัดตั้งด้วยกฎหมายที่แตกต่างกันและไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด
แหล่งข่าวจาก กมธ. ป.ป.ช. กล่าวเสริมว่า ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นว่ากรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ควรดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนแก้ไขชื่อโฉนดที่ดินดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 พร้อมกันนี้ ยังได้นัดหมายประชุม กมธ. ป.ป.ช.อีกครั้งในวันพุธที่ 18 ม.ค.2566 ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะเข้าร่วมประชุมในฐานะ ประธาน กมธ.ป.ป.ช. และจะขอมติที่ประชุมฯ เพื่อส่งผลการพิจารณาของ กมธ.ป.ป.ช. เสนอต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง ประกอบการพิจารณา ตามคดีหมายเลขดำที่ พ๑๖๒๘/๒๕๖๓ ถึงความเห็นของ กมธ.ป.ป.ช. ทั้ง 2 ข้อข้างต้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยัง น.ส.วิจิตติพร ซึ่งเป็นต้นเรื่องของการเรียกร้องสิทธิ์ในครั้งนี้ โดยได้รับคำตอบว่า ตนรู้สึกดีใจที่ กมธ.ป.ป.ช. ได้พิจารณาและมีความเห็นในแนวทางดังกล่าว ที่ผ่านมา ตนต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์และความเป็นธรรมให้กับ สมาคมหอการค้ากรุงเทพ โดยลำพังมาตลอด ต้องขอขอบพระคุณ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และ กมธ.ป.ป.ช.เป็นอย่างสูง ซึ่งหลังจากนี้ ไม่ว่าผลการพิจารณาคดีของศาลแพ่งที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ จะออกมาอย่างไร ตนก็รู้สึกสบายใจที่ได้ทำหน้าที่ในฐานะ “ประธานคณะกรรมการชั่วคราวเพื่อการชำระบัญชีสมาคมหอการค้ากรุงเทพ” อย่างสมบูรณ์แล้ว
“เบื้องต้นดิฉันได้กราบเรียนท่าน พลเอก สายหยุด เกิดผล ซึ่งเป็นกรรมการและสมาชิกฯเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของ สมาคมหอการค้ากรุงเทพ อย่างไม่เป็นทางการ ว่า หากชนะคดี และได้รับที่ดินแปลงดังกล่าวรวมกัน 4 ไร่เศษ กลับคืนมาเป็นกรรมสิทธิ์ของสมาคมหอการค้ากรุงเทพ ก็อยากจะเสนอให้ สมาคมหอการค้ากรุงเทพ ทำเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายที่ดินแปลงดังกล่าว เพื่อใช้ในพระราชกรณียกิจ อันเป็นจะประโยชน์ในภาพรวมทั้งต่อพสกนิกรและประเทศชาติต่อไป” น.ส.วิจิตติพร ย้ำในที่สุด.