‘เอกนัฏ’ ส่ง สุดซอย ฟาด หย่งถังไทย ตัวการหลอกแจกดินปนเปื้อน

“เอกนัฏ” ส่ง “ทีมสุดซอย” ปิด “หย่งถังไทย” หนึ่งในตัวการ หลอกนำขยะอุตฯอ้างเป็นดินแจกชาวบ้าน พบเป็น “ทุนจีนศูนย์เหรียญ” นำเข้า-คัดแยกเศษโลหะเพื่อส่งออก เร่งชงหาทางแก้ “รง.รีไซเคิล” ล้นตลาด “ทุนเทา”สบช่องใช้เป็นที่แยกขยะ ทิ้งซากขยะ-ก่อมลพิษในไทย

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังที่กระทรวงฯได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทฯ ที่แจกจ่ายดินปนเปื้อนให้ประชาชนนั้น จึงมอบหมายให้ชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ “ทีมสุดซอย” กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทำการขยายผลบริษัทหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด จนพบความเชื่อมโยงไปถึง บริษัท หย่งถัง ไทย จำกัด ตั้งอยู่ที่ อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ทีมสุดซอย จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ
พบการกระทำผิด ทั้งขยายโรงงานโดยไม่ได้อนุญาต และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนใขในใบอนุญาต เป็นต้น จึงออกคำสั่งอายัดวัสดุสิ่งของไว้ทั้งหมด และแจ้งความดำเนินคดี พร้อมเสนอปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมออกคำสั่งให้หยุดกิจการทั้งหมดต่อไป

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวเสริมถึงผลการเข้าตรวจสอบโรงงาน บริษัท หย่งถัง ไทย จำกัด ว่าในการลงพื้นที่ร่วมกับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ฉะเชิงเทรา และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พบว่า บริษัท หย่งถัง
ไทย จำกัด จะนำเข้าวัตถุดิบจำพวก เศษโลหะรวม มอเตอร์ สายไฟ จากต่างประเทศ จะนำมาทำการคัดแยกเป็นเศษเหล็ก เศษทองแดง และเศษอลูมิเนียม จำหน่ายทั้งภายในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ โดยมี นายจิ้งเฟิง โจว เป็นเจ้าของ จากการตรวจสอบพบว่า มีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และตรวจพบเศษชิ้นส่วนเซลล์แบตเตอรี่ (แผ่นทองแดงแกรไฟต์) แบตเตอรี่ยังไม่ได้แยกประเภท และเศษชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายประเภท ซึ่งไม่ตรงตามใบอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงออกคำสั่งอายัดวัสดุสิ่งของทั้งหมด พร้อมแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนใขในใบอนุญาต โดย สอจ.ฉะเชิงเทรา จะเสนอปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ออกคำสั่งให้หยุดกิจการทั้งหมดด้วย

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า การลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ของ บริษัท หย่งถัง ไทย จำกัด จะติดต่อบริษัทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง ให้จัดหาวัตถุดิบที่เป็นเศษโลหะ โดยไม่มีการคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือขยะปนเปื้อนจากประเทศญี่ปุ่น แล้วนำเข้ามายังประเทศไทยเพื่อคัดแยก หากเป็นเศษเหล็กจะส่งขายต่อให้โรงงานเหล็กภายในประเทศ แต่หากเป็นทองแดง และอลูมิเนียมที่คัดได้จะส่งกลับไปยังบริษัทต้นทางที่ฮ่องกง เหลือทิ้งไว้คือ ฝุ่นและขยะ รวมถึงสร้างปัญหามลพิษ ปล่อยน้ำเสียไว้ในประเทศไทย
“หลังจากที่มีมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกาสังเกตได้ว่า นักลงทุนจีนมีการทะลักเข้ามาในประเทศไทยเพื่อประกอบธุรกิจรีไซเคิลศูนย์เหรียญที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก โดยจะเร่งเสนอให้รัฐมนตรีฯเอกนัฏ พิจารณาทบทวนการออกใบอนุญาตโรงงานประเภทรีไซเคิล ที่ขณะนี้มีมากเกินความจำเป็น จนทำให้นักลงทุนข้ามชาติเหล่านี้ใช้ไทยเป็นพื้นที่คัดแยกของดีของเสีย ไม่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ แถมยังสร้างปัญหามลพิษกับสิ่งแวดล้อม ทำร้ายสุขภาพประชาชน“ นางสาวฐิติภัสร์ กล่าว.