‘พาณิชย์’ เร่งส่งออกน้ำมันปาล์ม ‘ลดสต๊อกในประเทศ – หนุนราคาขยับสูง’ ย้ำ! เข้มใช้ กม.เอาผิดกลุ่มเอาเปรียบเกษตรกร

กรมการค้าภายใน ผนึกผู้ส่งออก เดินหน้าผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์ม แก้ปัญหา “สต๊อกน้ำมันปาล์มส่วนเกิน” ในประเทศ และสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิต เผย! ส่งออกล็อตใหญ่กว่า 59,000 ตัน สู่ตลาดอินเดีย จีน และญี่ปุ่น หวังช่วยเกษตรกรชาวสวนปาล์มมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ย้ำ! เน้นตรวจสอบการรับซื้ออย่างเหมาะสมเป็นธรรม ที่ CPO 18 % ราคา 5.20 บาท/กก. เข้มบังคับใช้กฎหมายพวกที่ไม่ปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด

วันที่ 2 มิถุนายน 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ท่าเทียบเรือของบริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นประธานในพิธีปล่อยเรือบรรทุกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ส่งออกไปยังประเทศอินเดียและประเทศจีน โดยมีคุณประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนางสาวกัญกร ประสิทธิศุภผล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ภาครัฐ ศุลกากร และตัวแทนองค์กรเกษตรกร เข้าร่วมกิจกรรมใหญ่ครั้งนี้ด้วย

นายวิทยากร เปิดเผยว่า “สำหรับการส่งออกในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศ โดยมีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ Lot ใหญ่ จำนวน 32,000 ตัน ไปยังประเทศอินเดีย น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์จำนวน 7,000 ตัน ไปยังประเทศจีน และกะลาปาล์มอีกจำนวน 20,000 ตัน ส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น รวมปริมาณกว่า 59,000 ตัน โดยกระบวนการส่งออกดำเนินผ่านท่าเทียบเรือของบริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นท่าเรือที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลและมีศักยภาพในการรองรับเรือขนส่งน้ำมันในระดับสูง  โดยใช้เส้นทางลำเลียงสินค้าผ่านท่อไปยังเรือใหญ่บริเวณเกาะพะลวย  โดยสามารถสูบส่งสินค้าได้ที่อัตราเฉลี่ย 170 ตันต่อชั่วโมง ถือเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยอย่างยิ่ง”

การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ในการเร่งระบายสต๊อกน้ำมันปาล์มส่วนเกินในประเทศ เพื่อให้ปริมาณมีความสมดุลสอดคล้องกับความต้องการใช้ภายในประเทศ และสามารถผลักดันให้ราคาผลผลิตปาล์มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีโดยตรงต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์มทั่วประเทศ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นความร่วมมือที่สำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดต่างประเทศ และขยายโอกาสทางการค้าให้กับประเทศไทยในเวทีโลก

นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์การรับซื้อผลปาล์มน้ำมันร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจของกรมการค้าภายใน เจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและพังงา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่มีการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันที่อัตราการสกัดน้ำมัน (CPO) 18% ในราคาที่ 5.20 บาทต่อกิโลกรัม ถือเป็นระดับราคาที่มีแนวโน้มขยับสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ อันเป็นผลจากการเร่งผลักดันการส่งออกและบริหารจัดการสต๊อกอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่ตรวจสอบยังพบผู้ประกอบการรับซื้อผลปาล์มจำนวน 4 รายที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งกรมการค้าภายในได้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยมีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี หรือปรับสูงสุด 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหากเกษตรกรท่านใดไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถแจ้งมายังสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด

 “กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าเร่งรัดทุกมาตรการที่เป็นไปได้ในการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตปาล์มทะลักเข้าสู่ตลาด หากสามารถส่งออกในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยให้เกิดการระบายสต๊อก ลดความตึงเครียดในระบบอุปทานภายในประเทศ และทำให้ราคาผลผลิตสามารถปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่เกษตรกรสามารถอยู่ได้ มีรายได้เพียงพอและยั่งยืน ซึ่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้แล้วกว่า 253,000 ตัน และในเดือนมิถุนายนนี้คาดว่าจะสามารถรักษาระดับการส่งออกไว้ในปริมาณใกล้เคียงกัน ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ” นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password