หอการค้าไทย ชี้หยุดยาวช่วยบูมศก.สะพัด 5-7 พันล้าน ทอท.กำชับอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร
ประธานหอการค้าไทย ชี้หยุดยาวหนุนเงินสะพัด 5-7 พันล้านบาท แนะรัฐบาลสื่อสารล่วงหน้า ห่วงประกาศกระชั้นชิดกระทบต้นทุนธุรกิจ ด้าน “ทอท.” ประเมินผู้โดยสารกระหึ่มสนามบิน 2 ล้านคน กำชับอำนวยความสะดวกเต็มพิกัด
วันที่ 28 ก.ค. 2566 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เชื่อว่าการประกาศให้วันที่ 31 ก.ค. 2566 เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ โดยประเมินว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มเติมในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว ราว 5-7 พันล้นบาท ขณะที่แรงงานบางส่วนที่ยังต้องทำงานในช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ การประกาศวันหยุดเพิ่มเติมออกมากระชั้นชิด ส่งผลให้บางกลุ่มธุรกิจ หรือบางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต จำเป็นต้องจ้างงานในช่วงเวลาที่รัฐบาลประกาศหยุดยาว อาจมีผลต่อต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับค่าแรง และค่าล่วงเวลาที่เพิ่มสูงขึ้นบ้าง แต่เชื่อว่าส่วนนี้ ไม่น่าจะกระทบแผนการดำเนินธุรกิจของภาคธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ
“การที่รัฐบาลประกาศวันหยุดยาวต่อเนื่องถือเป็นเจตนาที่ดี แต่ถ้าหากสามารถกำหนดช่วงเวลา และสื่อสารล่วงหน้าสักระยะก่อน จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการดำเนินธุรกิจให้มีความเหมาะสม โดยมองว่าการหยุดยาวจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนเกิดการเดินทาง การท่องเที่ยว และการจับจ่ายใช้สอย ช่วยสร้างบรรยากาศความคึกคักและรายได้ให้ผู้ประกอบการ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และอื่น ๆ” นายสนั่น กล่าว
ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.คาดการณ์ว่าในช่วงวันหยุดยาวติดต่อกัน 6 วัน ระหว่างวันที่ 28 ก.ค.-2 ส.ค.66 ท่าอากาศยานของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.), ท่าอากาศยานดอนเมือง(ทดม.), ท่าอากาศยานเชียงใหม่(ทชม.), ท่าอากาศยานภูเก็ต(ทภก.), ท่าอากาศยานหาดใหญ่(ทหญ.) และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย(ทชร.) จะมีผู้โดยสารจำนวนมากมาใช้บริการ ทั้งการเดินทางภายในประเทศ และระหว่างประเทศ โดยภาพรวมคาดว่าปริมาณผู้โดยสาร 6 ท่าอากาศยาน 6 วันจะอยู่ที่เกือบ 2 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ ซึ่งมีผู้โดยสารอยู่ที่ประมาณ 2.7 แสนคนต่อวัน ยืนยันว่าท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง โดยเฉพาะ ทสภ. ยังสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้อย่างเพียงพอ
“ได้สั่งการให้ทั้ง 6 ท่าอากาศยานเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ให้แก่ผู้โดยสาร โดยเฉพาะการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างประเทศ ให้ทุกท่าอากาศยานจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจค้นให้เพียงพอ และประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจคนเข้าเมืองให้พร้อม แลเพียงพอ รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศทั้งขาเข้า และขาออก ทั้งนี้คาดว่าในช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค.66 จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 28 ก.ค.66 รวมถึงวันที่ 2 ส.ค.66 จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการที่ท่าอากาศยานเป็นจำนวนมาก” นายกีรติ กล่าว
นอกจากนี้ได้ประสานกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ให้จัดรถชัตเติ้ลบัสสายต่างๆ ที่ให้บริการอยู่ที่ ทดม. และทสภ. เพิ่มขึ้นจากปกติ รวมทั้งประสานกับกลุ่มแท็กซี่ เพื่อจัดรถแท็กซี่เข้ามาให้บริการผู้โดยสารอย่างเพียงพอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหารถขนส่งสาธารณะไม่เพียงพอต่อผู้โดยสารเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามในส่วนของปัญหากระเป๋าสัมภาระล่าช้าก่อนหน้านี้ ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวเริ่มคลี่คลาย และบริษัทผู้ให้บริการภาคพื้นทั้ง 2 ราย ได้เพิ่มพนักงานในการให้บริการมากขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น.