ธปท.ยัน! พร้อมอัดฉีด SAM เร่งแก้หนี้ส่วนบุคคล ลดหนี้ครัวเรือน เติมแกร่งเศรษฐกิจไทย
SAM ประสานเสียงแบงก์ชาติ หวังลดหนี้ครัวเรือน สร้างความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจไทย ตั้งเป้าโตเพิ่มอีก 5 หมื่นบัญชี หรือเกือบครึ่งหนึ่งที่ได้ทำมาก่อนหน้านี้ ปรับขยาย 3 เกณฑ์ใหม่ “คนทั่วไปอายุไม่เกิน 70 ปี – ยอดหนี้รวมไม่เกิน 2 ล้าน – ค้างจ่ายเกิน 120 วัน” อัดฉีดอัตราดอกเบี้ยใหม่ เริ่มต้น 3-5% ด้าน เอ็มดี. SAM พร้อมรับมือคลื่นมนุษย์ลูกหนี้ ตบเท้าร่วมโครงการ “คลินิกแก้หนี้ by SAM” ขณะนี้ แบงก์ชาติ พร้อมปรับเงื่อนไขช่วย SAM เต็มที่ เผย! ตลอด 6 ปี ช่วยคนเป็นหนี้เสียบัตร 1.2 แสนบัญชี หนี้รวมเฉียด 8 พันล้านบาท โชว์ตัวเลขนิวไฮหลังปรับเกณฑ์ใหม่ 1 พ.ค.66 ดันผู้สมัครพุ่งสูงกว่า 1.7 หมื่นราย หรือเพิ่มกว่า 280% จากเดือนก่อนหน้านี้
เมื่อเวลา 10.00 น. ณ สำนักงานโครงการคลินิกแก้หนี้ โครงการศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ อเวนิว รัชโยธิน ชั้นที่4,นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายณัฐสรรค์ ตันตสุรฤกษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Credit Operation ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) หนึ่งในสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ และ นายอุดม อุดมวุฒินันท์ ลูกค้าผู้เข้าร่วมโครงการฯ เข้าร่วม งานเสวนา “โครงการคลินิกแก้หนี้ By SAM ต่อพลังชีวิต พลิกฟื้นเศรษฐกิจ ให้ยั่งยืน” โดยมี นายโศภณ นวรัตนาพงษ์ ผู้ประกาศข่าว TNN ช่อง 16 เป็นผู้ดำเนินรายการ
กรรมการผู้จัดการ SAM กล่าวตอนหนึ่งว่า หลังจาก ธปท.มอบให้ SAM ดำเนิน “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” เมื่อปี 2560 ถึงปัจจุบัน มีลูกค้า ซึ่งเป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงิน ทั้งที่เป็นแบงก์และนอนแบงก์กว่า 30 แห่ง ลงนามสัญญาเข้าร่วมโครงการฯ แล้วทั้งสิ้น 40,030 ราย หรือ 116,947 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นตามสัญญา 7,928 ล้านบาท โดยเป็น ลูกค้าที่ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว สามารถกลับไปดำเนินชีวิตหรือธุรกิจได้ตามปกติ 1,312 ราย หรือ 3,351 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นตามสัญญาประมาณ 179 ล้านบาท แต่ยังมีลูกค้าที่ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข ทำให้ต้องออกจากโครงการฯและเสียโอกาสในการแก้ไขหนี้ ดังนั้น “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่เริ่มมีปัญหาการผ่อนชำระ โดยจะพิจารณาปรับแผนการชำระหนี้ที่เหมาะสมให้กับลูกค้าเป็นรายกรณีตามเหตุผลและความจำเป็น เพื่อให้สามารถผ่อนชำระได้ตามความสามารถที่แท้จริงอย่างต่อเนื่องและปลดหนี้ได้ในที่สุด
โดย “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญของการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ในการดูดซับและลดปริมาณหนี้เสียของระบบสถาบันการเงินในประเทศ รวมทั้งช่วยเหลือ ฟื้นฟู และดูแลคนไทยที่มีปัญหาหนี้สินให้ “อยู่รอด อยู่ได้ อยู่เติบโต อยู่ยั่งยืน” อันเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ทั้งนี้ หลังจากได้ประกาศปรับเกณฑ์คุณสมบัติใหม่ให้กับลูกค้าที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) ในกลุ่มบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ค้างชำระเกินกว่า 120 วัน (ตามรายงานเครดิตบูโร ณ เดือนปัจจุบันมีสถานะค้างชำระตั้งแต่ 121-150 วัน ขึ้นไป) สามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้เลย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา (เดิมต้องมีสถานะเป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1 ก.พ.2566 เท่านั้น) ทำให้ยอดจำนวนผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ในเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นสูงถึง 17,600 ราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 288 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2566 จะมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯเพิ่มขึ้นถึง 155,000 บัญชี หรือเพิ่มขึ้นราว 50,000 บัญชี คิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 50 ของการดำเนินโครงการแก้หนี้ฯตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
นายธรัฐพร ย้ำว่า SAM จะเร่งประสานสัมพันธ์ “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรนใหม่ ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งร้อยละ 60 อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่เหลือร้อยละ 40 อยู่ในส่วนภูมิภาค เพิ่มโอกาสการรับรู้และเข้าร่วมโครงการฯให้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หากสัดส่วนของลูกค้าเข้าร่วมโครงการฯเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากปัจจุบันที่เติบโตราวร้อยละ 20 เป็นมากกว่านั้น ก็ถือเป็นความสำเร็จของโครงการฯ ซึ่ง SAM ได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่มใหม่นี้ ผ่านทางสำนักงานสาขาฯ ในจังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น และสุราษฎรธานี ควบคู่กับการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีอยู่แล้ว
ด้าน นางสาวสิริธิดา กล่าวตอนหนึ่งว่า ธปท. ให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้ครัวเรือน เพราะหากสัดส่วนหนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้นจะกระทบกับระบบเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้เศรษฐกิจไทยไม่เข้มแข็ง “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ถือเป็นหนึ่งในหลายโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่ง ธปท.พร้อมจะปรับเพิ่มเงื่อนไขและสร้างเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อให้ SAM สามารถดำเนินการลดปัญหาหนี้ครัวเรือนผ่านโครงการคลินิกแก้หนี้ฯ
“เราอยากเห็นประชาชนมีภูมิทางการเงินที่เข้มแข็ง ยิ่งเข้มแข็งมากเท่าใดก็ยิ่งทำให้ภูมิทางการเงินของประเทศเข้มแข็งไปด้วย โครงการนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้ลูกค้ามีความเข้มแข็ง จึงอยากเรียกร้องให้ลูกค้าของสถาบันการเงินได้เข้ามาพูดคุยและเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อร่วมกันหาทางออก และกลับไปใช้ชีวิตตามปกติโดยเร็ว” ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. ย้ำ
ขณะที่ นายณัฐสรรค์ ระบุว่า โครงการคลินิกแก้หนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถบริหารและจัดการหนี้เสียในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาทางธนาคารยูโอบีฯ ได้ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการคลินิกแก้หนี้ให้กับลูกค้าของธนาคารที่ประสบปัญหาทางด้านการเงิน โดยปัจจุบันลูกค้าของธนาคารที่อยู่ในคลินิกแก้หนี้ มีประมาณ 14,000 บัญชี หรือราว 1,100 ล้านบาท และยังมีลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งที่ธนาคารไม่สามารถติดต่อได้ ทางธนาคารมั่นใจว่าทุกปัญหามีทางออก และเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกัน จะสามารถร่วมกันหาทางออกในการแก้ไขหนี้ที่ค้างชำระได้
ส่วน นายอุดม ตัวแทนของลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการฯนี้ ย้ำว่า หลังจากที่ได้เข้าร่วม “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” แล้ว ทำให้สามารถจะรวมเจ้าหนี้ต่างๆ ไว้ด้วยกัน โดยมี SAM เป็นตัวกลางในการจัดการปัญหาหนี้ให้กับ 2 ฝ่าย ทำให้สามารถลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระราวเดือนละ 30,000 บาท เหลือเพียงแค่ 4,000 บาทเศษเท่านั้น ทำให้เขาสามารถจะบริหารจัดการรายได้แต่ละเดือนที่ได้รับมา โดยไม่กระทบทั่งเจ้าหนี้และครอบครัวของตน
กรรมการผู้จัดการ SAM ขมวดปมในตอนท้ายอีกว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ต้องขอบคุณ ธปท. ที่เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการดีๆ ขอบคุณภาคีเครือข่าย ขอบคุณสถาบันการเงินทุกแห่งที่ให้ความร่วมมือ ขอบคุณแทนประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในวันนี้ ทำให้ “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” เป็นหนึ่งในมาตรการต่อพลังชีวิตประชาชนรายย่อยที่เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของภาคเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจภาคครัวเรือนแข็งแรงขึ้น ก็ย่อมส่งผลต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ยั่งยืน
สำหรับคุณสมบัติผู้สนใจสมัครเข้าร่วม “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” นั้น ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ มีอายุไม่เกิน 70 ปี มียอดหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท และเป็นหนี้เสียค้างชำระมากกว่า 120 วัน และเพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาผลการสมัคร ขอให้ลูกค้าเตรียมเอกสารสำคัญประกอบการสมัคร ดังนี้ 1. เอกสารรายงานเครดิตบูโร 2. สำเนาบัตรประชาชน 3. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 1 เดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน (กรณีผู้มีรายได้ประจำ) / รายการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 3 เดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ (กรณีอาชีพอิสระ) โดยลูกค้าที่เป็นหนี้เสียรายใหม่และมีคุณสมบัติผ่านหลักเกณฑ์เข้าร่วม “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” จะได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียง 3-5% และระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 10 ปี โดยเสนอ ทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ เป็น 3 ทางเลือก คือ 1. ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี 2. ผ่อนชำระนานกว่า 4 ปี ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี 3. ผ่อนชำระนานกว่า 7 ปี ไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี
“โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-19.00 น. ที่ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ อเวนิว รัชโยธิน ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ หรือสมัครเข้าร่วมโครงการผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือ แอดไลน์ @debtclinicbysam และ Facebook คลินิกแก้หนี้ by SAM หรือติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่ Call Center 1443.