พาณิชย์ วอนผู้ประกอบการ ตรึงราคาข้าวถุง บรรเทาความเดือดร้อนผู้บริโภค
กรมการค้าภายใน ขอความร่วมมือผู้ประกบการข้าวถุง ช่วยตรึงราคาไว้ก่อนอย่าปรับขึ้นในตอนนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้บริโภค ขณะที่ราคาหมูเนื้อแดงยังทรงตัว ผักสด ราคาลดลงหลังได้ฝนเทช่วย
วันที่ 11 ส.ค.2566 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้หารือกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย โดยได้ขอความร่วมมือไม่ปรับขึ้นราคาจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงในช่วงนี้ แม้ว่าราคาข้าวเปลือกจะปรับตัวสูงขึ้น และต้นทุนข้าวสารสูงขึ้น เพราะต้นทุนในการผลิตข้าวสารบรรจุถุงยังเป็นสต๊อกเดิม แต่หากเป็นต้นทุนใหม่ ก็ขอให้ช่วยตรึงราคาให้นานที่สุด เพื่อดูแลผู้บริโภค ซึ่งผู้ประกอบการข้าวถุงยินดีที่จะให้ความร่วมมือ และยังได้ขอความร่วมมือไปยังห้างค้าส่งค้าปลีก ให้ช่วยจัดโปรโมชั่นลดราคาจำหน่ายข้าวถุงหมุนเวียนกันไปในแต่ละยี่ห้อ เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงนี้ด้วย
“ขณะนี้ ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้น โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาตันละ 15,600 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 13,700 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ12,500 บาท ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 14,900 บาทซึ่งชาวนาได้ประโยชน์ และส่งออกได้ประโยชน์ ส่วนผู้บริโภค กรมได้เข้าไปดูแล โดยขอความร่วมมือผู้ผลิตให้ตรึงราคาไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนเพราะอินเดียห้ามส่งออกข้าวขาว ก็ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหนหรืออาจจะเลิกห้ามในเร็วๆ นี้ก็ได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องปรับขึ้นราคา ก็จะยึดหลักวิน วิน โมเดล ที่ทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน และหากมีผลกระทบก็ต้องช่วยกันรับภาระ” นายวัฒนศักย์กล่าว
กรมมีแผนสำรองที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบการข้าวถุง หากสถานการณ์ราคาข้าวถุงตึงตัว หรือมีทิศทางปรับสูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยจะผลิตข้าวสารบรรจุถุงราคาโรงงาน นำไปเปิดจุดจำหน่ายตามจุดต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงจำหน่ายผ่านโมบายพาณิชย์ ซึ่งได้เตรียมการไว้แล้ว แต่อาจจะไม่ต้องใช้ก็ได้
สำหรับสถานการณ์สินค้าอื่นๆ พบว่ามันสำปะหลัง เฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 3.33 บาท ข้าวโพด 10.75 บาท ปาล์มน้ำมัน 5.60-6.00 บาท น้ำมันปาล์มขวด 45-46 บาท บางพื้นที่ 42-43 บาท หมูเนื้อแดง ยังทรงตัว กก. ละ 130 บาท เนื้อไก่ น่องติดสะโพก กก.ละ 80-90 บาท เนื้ออก กก.ละ 75-85 บาท ไข่ไก่ เบอร์ 3 เฉลี่ยฟองละ 4.30 บาท ส่วนผักสด ปรับลดลง หลังฝนตก โดยผักคะน้า เฉลี่ยกก.ละ 35.30 บาท ถั่วฝักยาว เฉลี่ยกก.ละ 43.50 บาทกะหล่ำปลี เฉลี่ย กก.ละ 31.70 บาท ผักกาดขาว เฉลี่ย กก.ละ 34 บาท ผักบุ้งจีนเฉลี่ย กก.ละ 30.20 บาท ผักชีขึ้นเล็กน้อย เฉลี่ย กก.ละ 100 บาท เพราะเจอฝน ใบช้ำ พริกขี้หนูจินดา เฉลี่ย กก.ละ 83 บาท และมะนาว เฉลี่ยลูกละ 2.70 บาท
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สถานการณ์สต๊อกปุ๋ยเคมีขณะนี้ มีปริมาณ 1.02 ล้านตัน เพียงพอสำหรับฤดูกาลเพาะปลูก และผู้ประกอบการยังมีการนำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนสถานการณ์ราคา ถือว่าลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งราคาปุ๋ยเคมีตลาดโลก และราคาจำหน่ายปลีกในประเทศที่ต้องสอดคล้องกัน
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมได้ช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร โดยได้ชดเชยค่าอาหารสัตว์ให้เกษตรกรรายย่อย กก.ละ 1 บาท สูงสุดไม่เกินรายละ 10,000 บาทซึ่งเกษตรกรมีเวลายื่นเอกสารจนถึง 31 สิงหาคม 2566 และเตรียมช่วยลดภาระค่าดอกเบี้ย 3% ให้กับเกษตรกร ซึ่งอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (พิก บอร์ด) เพื่อพิจารณา
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ผลผลิตผลไม้ภาคใต้ ทุเรียนออกแล้ว 60% มุงคุด 65-70% เงาะ 67% โดยราคาปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทุเรียนเกรด AB กก.ละ 155-160 บาท เกรด C กก.ละ 115-120 บาท เกรด D กก.ละ 95-100 บาท มังคุด เกรดมันรวม กก.ละ 70-80 บาท กากลาย กก.ละ 40-45 บาท คละ 50-65 บาท สับปะรดภูแล เชียงราย กก.ละ 11-12 บาท มะม่วงเขียวมรกต ลำพูน เบอร์ 1-2 กก.ละ 15-16 บาท คละ 10-12 บาท และส้มโอทองดีเชียงราย เกรดสวย กก.ละ 14-15 บาท และคละ กก.ละ 11-13 บาท
กรมได้เตรียมมาตรการรับมือมังคุดใน 3 จังหวัดภาคใต้ และนครศรีธรรมราช ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม 2566 จะเริ่มเปิดประมูล ซึ่งได้ประสานผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อแล้ว และยังได้นำผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อ เพื่อนำไปจำหน่ายผ่านห้างท้องถิ่น 600 สาขาทั่วประเทศ ขายในหมู่บ้านและคอนโดมิเนียม และโมบายพาณิชย์ เพื่อช่วยเร่งระบายผลผลิต.