รัฐดัน “เพิ่มเงินบัตรคนจน-คนละครึ่ง” ฉุดเศรษฐกิจปี 63

รัฐบาลเดินเครื่อง 2 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ “เพิ่มกำลังซื้อบัตรคนจน – คนละครึ่ง” ผ่านการใช้จ่ายช่วง 3 เดือนสุดท้ายปี 63 หวังสร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ 8.1 หมื่นล้านบาท ฉุดจีดีพี 0.25% ก่อนส่งต่อถึงต้นปีหน้า เผย! ไทม์ไลน์เริ่ม 1 ต.ค. สำหรับร้านค้าแสนแห่ง ส่วนประชาชนเข้าร่วมโครงการ 16 ต.ค. แต่เริ่มใช้จ่ายจริง 23 ต.ค.นี้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2563 คณะรัฐมนตรีมีมติ เห็นชอบผลการพิจารณาของ คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 21/2563 ตามที่ คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ซึ่งมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง 2 โครงการ ประกอบด้วย (1) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ (2) โครงการคนละครึ่ง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้มีบัตรฯ) มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเยียวยา และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มผู้มีบัตรฯ ประมาณ 14 ล้านคน ในช่วงที่มีสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งทำให้กลุ่มผู้มีบัตรฯ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ มีรายได้ลดลงและไม่สามารถหารายได้จากแหล่งอื่นมาทดแทนได้ โดยโครงการฯ จะเป็นการช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.- ธ.ค. 2563 เป็นวงเงินรวม 21,000 ล้านบาท 

อันจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้มีบัตรฯ สามารถดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานในช่วงที่มีสถานการณ์ COVID-19 ได้ และส่งผลต่อเนื่องในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรฯ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และมีความเปราะบางทางด้านทรัพย์สินและหนี้สิน  อีกทั้ง โครงการดังกล่าวยังก่อให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ

2. โครงการคนละครึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานราก สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มหาบเร่ แผงลอย เพื่อให้มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น โดยภาครัฐร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไปผ่านฝ่ายของผู้ซื้อร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาท ต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการ เป็นวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ซึ่งการร่วมจ่ายคนละครึ่งนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและจะช่วยเติมกำลังซื้อของประชาชนเพื่อให้มีการใช้จ่ายหมุนเวียนไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างต่อเนื่องเป็นเงิน 60,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ จะเริ่มให้ประชาชนผู้ที่มีสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีบัตรประจำตัวประชาชน ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2563 เวลา 06.00 น. – 23.00 น. จำกัดจำนวนไม่เกิน 10 ล้านคนโดย ผู้ได้รับสิทธิต้องยืนยันตัวตนผ่าน g-Wallet แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” อีกขั้นตอนหนึ่งด้วย จึงจะสามารถใช้จ่ายกับ ร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการเพื่อรับสิทธิได้

ซึ่ง การใช้จ่ายจะมีช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.– 31 ธ.ค.2563 ในเวลา 06.00 น. – 23.00 น. ซึ่งผู้ได้รับสิทธิจะต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ตนได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิหรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก โดยสิทธิที่ถูกตัดจะนำไปเปิดให้ลงทะเบียนใหม่

สำหรับ ผู้ประกอบการร้านค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เวลา 06.00 น. – 23.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือลงทะเบียนผ่านทางสาขาธนาคารกรุงไทย โดยธนาคารกรุงไทยจะช่วยติดตั้ง แอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” เพื่อใช้ในการรับชำระเงินจากการขายสินค้า

“กระทรวงการคลังคาดว่า โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการคนละครึ่ง จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย และช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ จากการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 81,000 ล้านบาท ครอบคลุมประชาชน 24 ล้านคน ซึ่งจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2563 และส่งแรงขับเคลื่อนต่อเนื่องไปยังปี 2564” รมช.คลัง ย้ำ

ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยากให้ร้านค้าขนาดเล็กเข้าร่วมโครงการฯให้มากที่สุด เพื่อเม็ดเงินในโครงการฯกระจายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากให้มากที่สุด โดยคาดหวังจะมี ร้านค้าเข้าร่วมโครงการฯไม่น้อยกว่า 1 แสนร้านค้า ซึ่งวิธีการที่ ร้านค้าจะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ มีด้วยกัน 3 แนวทาง ดังนี้

1.จนท.สาขาของธนาคารกรุงไทย 1,041 แห่งจะลงพื้นที่ไปหาร้านค้าที่อยู่ในทำเลที่เหมาะสม 2.ร้านค้านแจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการฯผ่านเว็บไซต์คนละครึ่ง จากนั้น จะมีจนท.ธนาคารกรุงไทยไปหาถึงที่ และ 3.แจ้งความจำนงไปยังองค์กรปกครองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล หรืออบต. ที่เมื่อรวบรวมข้อมูลจากร้านค้าแล้ว จะส่งต่อให้กับธนาคารกรุงไทย จากนั้น จะมีจนท.ธนาคารกรุงไทยไปหาถึงที่ เช่นกัน.

ด้าน นายผยง ศรีวณิช กก.ผจก.ใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวเสริมว่า ธนาคารกรุงไทยมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการรองรับพี่น้องประชาชนจำนวน 10 ล้านคนที่จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. นี้เป็นต้นไป โดยเมื่อลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์แล้ว จะมี SMS แจ้งผลการลงทะเบียน จากนั้นให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อยืนยันตัวตนใช้สิทธิ์ผ่าน G-wallet โดยสามารถรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ใช้จ่ายตามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.เป็นต้นไป  

ทั้งนี้ ร้านค้าและประชาชนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่สาขาทั่วประเทศทั้ง 1,014 แห่ง ซึ่งพนักงานทุกสาขามีความพร้อมในการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับร้านค้าและประชาชน นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เตรียมสื่อประชาสัมพันธ์ทั้ง Banner Leaflet ธงติดหน้าร้าน ให้กับร้านค้าหรือร้านหาบเร่แผงลอยต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการเพื่อเป็นจุดสังเกตให้ประชาชนสามารถเข้ามาใช้สิทธิ์  

ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ผ่านโครงการชิมช้อปใช้ โครงการเราไม่ทิ้งกัน โครงการไทยชนะ และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งสามารถรองรับการลงทะเบียนได้รวมกว่า 30 ล้านคน โดยธนาคารยังคงยืนหยัดเคียงข้าง และร่วมกับภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ในการดูแลลูกค้าและประชาชน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกัน รวมทั้งร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password