‘ฉันทวิชญ์” รมช.พาณิชย์ป้ายแดง เครื่องร้อน พร้อมลุยด้านต่างประเทศ ชู ‘3 ภารกิจเร่งด่วน’

“รมช.พาณิชย์ป้ายแดง” ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ ฟิตจัด! หลังรับผิดชอบด้านต่างประเทศ ประกาศลุย 3 ภารกิจเร่งด่วน “การเจรจาการค้า – การวางรากฐานให้ธุรกิจไทยแข่งขันได้ – ดูแลราคาสินค้าเกษตร” มั่นใจรับมือภาษีทรัมป์ได้แน่ เชื่อ! จีดีพีไทยโตไม่ต่ำกว่าปีก่อน ส่วนค่าบาทแข็ง หวัง ธปท.ดูแลใกล้ชิด เผย! พรุ่งนี้ (5) ร่วมทีม รมว.พาณิชย์ ประชุม/ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนที่หนองคาย

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (4 ก.ค.2568) นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์คนใหม่ เดินทางเข้ากระทรวงพาณิชย์เพื่อปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการวันแรก โดยเริ่มจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงพาณิชย์ ให้การต้อนรับ จากนั้น ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแนวทางการทำงานและภารกิจสำคัญในช่วงเริ่มต้นของการดำรงตำแหน่ง
นายฉันทวิชญ์ กล่าวว่า การหารือเบื้องต้นเกี่ยวกับการแบ่งงานภายในกระทรวง ซึ่งความชัดเจนจะรอการลงนามเพื่อมอบหมายงานอย่างเป็นทางการจาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ ที่จะชัดเจนในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านต่างประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้ ภารกิจด้านต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายและมีข้อจำกัดด้านเวลา โดยเฉพาะใน ประเด็นความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐ แม้จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตนพร้อมที่จะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ โดยการเจรจาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ทราบว่ามีความคืบหน้าอย่างมาก ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ต่างมีแผนที่ชัดเจน
“ผมมั่นใจว่าเราจะเจรจาเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ส่วนอัตราภาษีจะเป็นเท่าไหร่ต้องรอผลจากทีมเจรจาและการตัดสินใจของทรัมป์” นายฉันทวิชญ์ กล่าวและว่า…

ส่วนการทำงาน ด้านต่างประเทศ ตนเตรียมผลักดันใน 3 ภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที ได้แก่ 1.การเจรจาการค้า ทั้งในระยะสั้น เช่น การขอลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนไทยได้รับประโยชน์สูงสุด รวมถึง การเจรจาในระยะกลาง โดยเฉพาะ ความตกลงเปิดเสรีการค้า(เอฟทีเอ) กับสหภาพยุโรปและเกาหลีใต้ ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างมาก และจะช่วย ส่งเสริมเศรษฐกิจไทยในระยะยาวกลาง และยาว 2.การวางรากฐานให้ธุรกิจไทยแข่งขันได้ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ พร้อมร่วมทีมกับ รมว.พาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ เพื่อนำพาธุรกิจไทยสู่การแข่งขันอย่างยั่งยืน และ 3.ดูแลราคาสินค้าเกษตร โดยให้ความสำคัญกับเสถียรภาพด้านราคา และการสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกร
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ที่มี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานทีมเจรจา อยู่ระหว่างการดำเนินการและติดตามผล เชื่อว่าไทยจะได้ดีลที่ดี อยากให้ไทยได้อัตราภาษีที่แข่งขันกับคู่แข่งได้ ส่วนระดับไหนยังคาดเดาได้ยาก อาจจะเท่าหรือน้อยกว่า และจะต้องมาพิจารณาว่าจะตั้งรับกับภาษีอย่างไร แต่หากอัตราภาษีไทยอยู่ในอัตรามากกว่าคู่แข่งเวียดนามที่ 20 % เชื่อว่าไทยจะแก้ไขได้ โดยรัฐบาลจะต้องหามาตรการช่วยเอกชน ลดต้นทุน เช่น การให้สิทธิพิเศษภายใต้บีโอไอ หรือ มาตรการลดภาษีในด้านต่างๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ หากดูทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ต้องยอมรับว่า ขึ้นอยู่การเจรจาภาษีสหรัฐฯจะเป็นตัวกำหนด โดยเชื่อว่าจีดีพีไทยปี 2568 นี้ จะไม่ติดลบ และไม่วิกฤติ หากภาครัฐเร่งเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันต้องเร่งการเจรจาการค้าเอฟทีเอ เพื่อผลักดันการค้า การส่งออก หาตลาดใหม่ให้กับผู้ประกอบการ ผลิตสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ รวมทั้งผลักดันการท่องเที่ยว
ส่วน ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่า อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก นั้น ตนเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลดีที่สุด เพื่อสอดคล้องกับเศรษฐกิจในระยะยาว โดยต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ตนให้ความเคารพความเป็นอิสระและมีความมั่นใจในนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 5 ก.ค. นายฉันทวิชญ์ จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย ร่วมคณะกับนายจตุพร เพื่อประชุมและติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคาย โรงแรมรอยัลนาคาราและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ พร้อมร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมการค้าชายแดน จังหวัดหนองคายด้วย.