สภาพัฒน์ฯ จับมือภาคเอกชน ศึกษาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค มั่นใจมีเงินลงทุนสะพัด3แสนล้าน

“สภาพัฒน์” เดินหน้า บูม พื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ร่วมมือ “มอ.-อินฟินิตี้ แพลน เมเนจเมนท์” ศึกษาแนวทาง จัดทำแผนแม่บท และ ขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค “เหนือ-อีสาน กลาง-ใต้” ตั้งเป้าดึงเงินลงทุน3แสนล้าน

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) และ บริษัท อินฟินิตี้ แพลน เมเนจเม้นท์จำกัด จัดทำโครงการ “ศึกษาจัดทำแผนแม่บทและขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่” กำหนดการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม 4 ภาค 16 จังหวัด ดังนี้

1.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC-Creative LANNA) ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน โดยแนวทางสำหรับการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือนั้น เพื่อพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักอย่างยั่งยืนโดยจะดำเนินการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมและบริการดั้งเดิมที่มีศักยภาพ การสร้างฐานอุตสาหกรรมและบริการใหม่ รวมไปถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ล้านนา

2.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(Northeastern Economic Corridor: NeEC – Bioeconomy) ได้แก่ จังหวัดหนองคาย จังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 4 จังหวัดถือว่าเป็นเมืองศูนย์กลางของภาคที่มีศักยภาพด้านการเกษตร เป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาเป็นฐานอุตสาหกรรมชีวภาพแห่งใหม่ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดห่วงโซ่การผลิตเชื่อมโยงการเกษตรและอุตสาหกรรมชีวภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์ชีวภาพจากอ้อยและมันสำปะหลัง และอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (โปรตีนแทนเนื้อสัตว์จากพืช และโปรตีนจากแมลง)

3.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก(Central-Western Economic Corridor: CWEC) ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยทั้ง
4 จังหวัดถือว่าเป็นฐานเศรษฐกิจชั้นนำของภาค ทั้งด้านอุตสาหกรรมเกษตร อาหารแปรรูป การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมไฮเทคมูลค่าสูง และมีศักยภาพในการเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศและพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ดังนั้น แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่จึงมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม งานวิจัยเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต รวมไปถึงการเพิ่มศักยภาพด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์เพื่อให้ภาคกลาง-ตะวันตกเป็นศูนย์กลางในการขนส่งและกระจายสินค้า

4.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นจุดศูนย์กลางของภาคใต้ในการเชื่อมโยงการค้าและระบบโลจิสติกส์กับพื้นที่เศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศในฝั่งอันดามัน (BIMSTEC) เป็นประตูการค้า Western gateway และเป็นฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพและการแปรรูปการเกษตรมูลค่าสูงรวมทั้งเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน การท่องเที่ยวสู่นานาชาติ

“จากการคาดการณ์แนวทางการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ จะส่งผลดีต่อการปรับโครงสร้าง ทางเศรษฐกิจไทยในระดับมหภาค การปรับโครงสร้างและการขยายตัวในแต่ละระเบียงจากศูนย์กลางระเบียงสู่พื้นที่พัฒนาโดยรอบ สำหรับโครงการทั้งหมดที่จะดำเนินการในช่วงปี 2565-2575 ของแต่ละภาคมีการคาดการณ์ว่าจะช่วยให้เกิดการลงทุนในพื้นที่รวมประมาณ 300,000 ล้านบาท โดยหากดำเนินการสำเร็จคาดว่าจะส่งผลให้ GDP ของประเทศเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 5.8% ต่อปี ตอบสนองนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มุ่งสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ และกระจายความเจริญสู่พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ อันจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยสำหรับการฟื้นตัวหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลงในอนาคต” นายดนุชา กล่าว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password